ห่างไกลโรคร้ายด้วยการตรวจมะเร็งปากมดลูก

หากจะพูดถึงภัยร้ายใกล้ตัวผู้หญิง คงหนีไม่พ้น มะเร็งปากมดลูก โรคร้ายที่มีสถิติผู้เสียชีวิตในประเทศไทยประมาณ 4,500 รายต่อปี และมีผู้ป่วยรายใหม่กว่า 9,000 รายต่อปี ดังนั้นการตรวจมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงไปสิ่งสำคัญที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

การตรวจมะเร็งปากมดลูก มีกี่วิธี?

หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่าควรตรวจมะเร็งปากมดลูก แบบไหนดี ? นอกจากตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA กับ Pap smear มีวิธีไหนอีกบ้าง ? เราจะพาไปทำความรู้จักวิธีตรวจ 3 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

1. ตรวจมะเร็งปากมดลูกแบบ Pap Smear

เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก เพื่อนำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามเป็นวิธีที่ความแม่นยำไม่สูง อยู่ที่ประมาณ 50%

2. ตรวจมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep

เป็นวิธีที่พัฒนามาจาก Pap Smear โดยคุณหมอจะเก็บเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูก จากนั้นใส่ลงในน้ำยา ThinPrep Pap Test ก่อนส่งตรวจผลในห้องปฏิบัติการ โดยน้ำยาจะช่วยกำจัดมูกและเลือด ทำให้เห็นตัวอย่างเซลล์ชัดเจนขึ้น วิธีนี้จึงมีประสิทธิภาพและแม่นยำประมาณ 90-95%

3. HPV DNA Test

HPV DNA Test หรือการตรวจ HPV DNA คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถตรวจเชื้อ HPV ระดับ DNA และระบุสายพันธ์ุต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก สำหรับวิธีการตรวจ HPV DNA Test เหมือนตรวจภายใน คือเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกใส่น้ำยา และส่งตรวจห้องปฏิบัติการ

ทำไมต้องตรวจมะเร็งปากมดลูก?

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ เพราะในระยะเริ่มต้นมะเร็งปากมดลูกจะไม่มีอาการที่แสดงได้ชัดเจน การตรวจคัดกรองจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากตรวจพบมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถรักษาที่ได้ผลและหายขาดได้

การตรวจ HPV DNA Test ดีกว่าวิธีอื่นอย่างไร?

การตรวจ HPV DNA Test ได้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นว่าในร่างกายของเรามีเชื้อ HPV หรือไม่และระบุลงลึกไปได้ถึงสายพันธุ์ของเชื้อ HPV ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ 16 และ 18 ทำให้สามารถป้องกันและรักษาเชื้อเอชพีวีได้ก่อนที่เชื้อจะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งวิธีนี้มีความแม่นยำอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีอื่น ๆ

เชื้อ HPV ติดได้จากที่ไหนบ้าง?

ส่วนใหญ่ติดเชื้อ HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเป็นสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็งหรือไม่ก็ได้

ควรตรวจ HPV Test ตอนอายุเท่าไหร่ บ่อยแค่ไหน?

ผู้หญิงควรเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 21 ปี ขึ้นไป หรือ 3 ปีหลังมีเพศสัมพันธ์ และตรวจซ้ำทุก ๆ 2-3 ปี เป็นอย่างน้อยเพื่อที่จะตรวจพบมะเร็งปากมดลูกได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตามความถี่ในการตรวจก็ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน หากอยู่ในบริเวณที่มีผู้เป็นมะเร็งปากมดลูกสูง หรือพบว่าตนเองมีความเสี่ยงสูง อาจต้องตรวจซ้ำทุกปี

ตรวจเองก่อนใคร ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก

มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงเริ่มตระหนักเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโรคที่ใกล้ตัวผู้หญิงเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่ควรละเลยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถไปตรวจได้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาล แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลา หรือรู้สึกเขินอายคุณหมอ วีลาล่าขอแนะนำชุดตรวจ HPV DNA Test วิธีตรวจง่ายสุด ๆ โดยคุณสามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล ไม่ต้องขึ้นขาหยั่ง สามารถเก็บเซลล์ง่าย ๆ ที่บ้าน ตรวจก่อน ป้องกันก่อน ก่อนที่คุณจะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อรายต่อไปแบบไม่รู้ตัว

โพสต์ล่าสุด