การแต่งงานในเครือญาติ เสี่ยงทำให้ลูกเกิดความผิดปกติ

ในอดีตการแต่งงานในเครือญาติ อาจจะพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แต่ในปัจจุบันนั้นการแต่งงานในเครื่องญาติไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะนอกจากความเหมาะสมที่เกิดขึ้นในการแต่งงาน เด็กที่เกิดมานั้นอาจมีความเสี่ยงที่จะมีข้อบกพร่องต่าง ๆ ทางร่างกายอีกด้วย แต่ถึงแม้ในปัจจุบันการแต่งงานในเครือญาติจะไม่ค่อยมีให้เห็นได้ง่ายเท่าในอดีต แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เนื่องจากวัฒนธรรมหรือการต้องการรักษาสายเลือด ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อาจทำให้เห็นการแต่งงานในเครือญาติได้อยู่บ้างเช่นเดียวกัน

การแต่งงานในเครือญาติคืออะไร

ตามที่ได้มีการกล่าวไปในข้างต้น การแต่งงานในเครือญาติ คือ การที่ครอบครัว ญาติ พี่ น้อง ลูกพี่ลูกน้อง แต่งงานกันเองหรืออาจเกิดความรักใคร่กันเกิดขึ้น และนำไปสู่การมีลูกที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงผิดปกติ และอาจนำไปสู่โรคทางพันธุกรรม ปัญญาอ่อน หรือเกิดข้อบกพร่องต่อร่างกายได้ ซึ่งการแต่งงานในเครือญาตินี้จะพบเห็นได้มากในราชวงศ์โบราณ

จุดเริ่มต้นของการแต่งงานในเครือญาติ

ในอดีตพบว่าจากอารยธรรมโบราณ การแต่งงานในเครือญาติรวมไปถึงการสืบพันธุ์ในเครือญาตินั้นเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยม จนเกิดการส่งต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคราชวงศ์ชนชั้นสูงต่าง ๆ ในอดีต โดยอาจมีเหตุผลมาจากวัฒนธรรม การต้องการที่จะรักษาสายเลือด หรือรวมไปถึงเหตุผลทางการเมือง เป็นต้น จึงทำให้มีหลายบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงสามารถพบได้ว่ามีความปกติเกิดขึ้นจากผลของการแต่งงานในเครือญาติ ยกตัวอย่าง ราชวงศ์ฮับส์บูร์สายกษัตริย์สเปนและออสเตรีย

การแต่งงานในเครือญาติทำให้เกิดความเสี่ยงต่อลูกอย่างไร

ความผิดปกติของสติปัญญา

เด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ อาจเกิดความผิดปกติของสติปัญญา หรือ เกิดความบกพร่องทางสติปัญญาได้สูง โดยเด็กที่มีลักษณะนี้จะมีปัญหาในแทบจะทุก ๆ ด้านในการใช้ชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเด็กมีข้อจำกัดในการเรียนรู้ สมองหยุดพัฒนาหรือพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้เกิดความบกพร่องในทุก ๆ ด้านของการใช้ชีวิต

ระบบภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ

ระบบภูมิคุ้มกันตามกว่าปกติ จะส่งผลให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมสามารถที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมากกว่าคนปกติทั่วไป สำหรับเด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ อาจมีอาการป่วยบ่อย ป่วยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการป่วยด้วยไข้หวัด ท้องเสีย หรือการติดเชื้อราทางผิวหนัง อาทิเช่น กลาก เกลื้อน นั่นเอง จนอาจนำไปสู่โรคที่มีความอันตรายร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาในอนาคต

เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติในส่วนของหลอดเลือดและหัวใจ ที่จะส่งผลต่อการไหลเวียนปริมาณของเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจและเซลล์สมอง ซึ่งเด็กและทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ โดยส่วนใหญ่มักเกิดมาพร้อมกับความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้

อัตราการตายในวัยเด็กเพิ่มสูงขึ้น

ตามที่ได้มีการกล่าวในข้างต้นว่าเด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติและความบกพร่องของร่างกาย จึงทำให้อัตราการตายในวัยเด็กมีสูงมากยิ่งขึ้น ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ด้านสติปัญญาตามที่ได้มีการกล่าวถึงในข้างต้น แต่อาจนำไปสู่โรคทางพันธุกรรมและทำให้มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงนั่นเอง

สรุปจบบทความ

ถึงแม้ในปัจจุบันจะยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่าการแต่งงานในเครือญาติ นั้น เป็นเรื่องที่ผิดหรือถูกอย่างไรในด้านของศีลธรรม แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่แต่งงานในเครือญาตินั้น สามารถเป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจให้กับผู้ที่เป็นญาติ พี่น้อง ที่กำลังตัดสินใจจะแต่งงานและสืบสายพันธุ์ได้ แต่นอกเหนือไปจากการส่งต่อโรคทางพันธุกรรมจากการแต่งงานในเครือญาติแล้ว ยังมีโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ อีกที่สามารถส่งต่อให้กับลูกหลานได้ เป็นโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานในเครือญาติ หากต้องการจะป้องกันและหลีกเลี่ยงการส่งต่อ สามารถตรวจ DNA Welala เพื่อตรวจหาความเสี่ยงได้แล้ววันนี้

“ตรวจยีนมะเร็ง” การตรวจสุขภาพเชิงลึกที่ช่วยให้เราดูแลตนเองอย่างเหมาะสม

มะเร็ง หนึ่งในโลกร้ายที่มีคนเป็นเยอะที่สุด และโดยส่วนมากแล้วพบว่าทุกคนล้วนมียีนก่อมะเร็งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของแต่ละบุคคล หนึ่งในสาเหตุหลักที่พบมากที่สุด คือ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นไปสู่รุ่น โดยลูกอาจได้รับยีนก่อมะเร็งมาจากผู้เป็นพ่อแม่ โดยที่พ่อแม่อาจได้รับการส่งต่อยีนก่อมะเร็งมาจากปู่ย่าหรือตายายอีกที แต่การส่งต่อนี้สามารถที่จะป้องกันได้ด้วยการ ตรวจยีนมะเร็ง

ความสัมพันธ์ของยีนกับมะเร็ง

ยีน หรือ Gene คือ รหัสทางพันธุกรรมที่อยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่เพียงแค่เฉพาะในมนุษย์ แต่รวมถึงทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก ในยีนแต่ละยีนจะประกอบไปด้วยลำดับของดีเอ็นเอ DNA ที่มีการถอดรหัสชุดคำสั่งเฉพาะที่แตกต่างกันเพื่อควบคุมการทำงานและการแบ่งตัวของเซลล์ โดยจะมีหน้าที่ส่งต่อหรือถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปสู่อีกรุ่นตามที่ได้มีการกล่าวไปในข้างต้น โดยยีนที่ถูกส่งต่อนี้จะมีการกำหนดลักษณะทางกายภาพของบุคคล การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย รวมไปถึงความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ โดยอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงและอาจกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้เช่นเดียวกัน

การตรวจยีนมะเร็ง มีประโยชน์อย่างไร?

การ ตรวจยีนมะเร็ง เป็นการตรวจหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่จะเจาะลึกเข้าไปถึงพันธุกรรม ซึ่งการตรวจหาความผิดปกตินี้จะส่งผลให้สามารถทราบถึงความเปลี่ยนแปลงหรือการกลายพันธุ์ของยีน ทำให้เราสามารถทราบได้ถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งกับตัวเราได้ ตลอดไปจนถึงการวางแผนการดูแล แนวการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในอนาคต หรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รหัสพันธุกรรมมะเร็ง

ในการตรวจยีนมะเร็ง เป็นการวิเคราะห์พันธุกรรมของยีนที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ รวมแล้วทั้งหมด 61 ยีน อาทิเช่น ยีน APC ที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยีน BRCA1, BRCA2 ที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ เป็นต้น โดยการตรวจสามารถที่จะวิเคราะห์ความเสี่ยงจากมะเร็งที่ถ่ายทอดหรือถูกส่งต่อทางพันธุกรรมได้มากถึง 10 ชนิด ที่ล้วนแล้วต่างเป็นชนิดที่สามารถพบได้บ่อย

ใครที่ควรตรวจยีนมะเร็ง

สำหรับผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจยีนมะเร็งนั้น ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติการเป็นมะเร็ง หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยโดยแพทย์อยู่แล้ว แต่รวมไปถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องสายตรงเคยป่วยเป็นมะเร็งจำนวนมากกว่า 2 คน เป็นขึ้นไป เพราะนั่นอาจเป็นการส่งต่อโรคมะเร็งจากพันธุกรรมได้ อีกทั้งบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือผู้ที่มีสุขภาพดีแต่ต้องการที่จะตรวจเพื่อหาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ก็สามารถทำการตรวจวิเคราะห์ยีนมะเร็งด้วย DNA Test ได้

วิธีตรวจยีนมะเร็งเป็นอย่างไร?

วิธีและขั้นตอนการ ตรวจยีนมะเร็ง ด้วย DNA Test จากการ ตรวจ DNA Welala สามารถทำได้โดยการใช้ปลายสำลีจากชุดตรวจที่ไม่มีการปนเปื้อนนำมาถูที่บริเวณกระพุ้งแก้มด้านในปาก โดยทำการถูไป-มา 15 ครั้ง ทำซ้ำทั้งสองข้าง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วถือหลอดให้ตรงและคลายเกลียวฝาออก โดยที่ไม่มีการสัมผัสกับปลายสำลี ทำการคว่ำก้านสำลีลงในหลอดและทำการปิดฝาให้แน่น พลิกหลอดที่ทำการปิดฝาแน่นเพื่อทำการเขย่าไปมา 15 ครั้ง ส่งชุดตรวจกลับเพื่อทำการวิเคราะห์ผล เพียงเท่านี้ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

สั่งซื้อชุดตรวจ DNA ตรวจยีนมะเร็งที่บ้าน กับ Welala ได้แล้ววันนี้

เพราะมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่สามารถคร่าชีวิตไปได้มากมาย อีกทั้งยังเป็นโรคร้ายที่สามารถส่งต่อได้ผ่านทางพันธุกรรม ยีน หรือ ดีเอ็นเอ หากต้องการที่จะตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมไปถึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อสุขภาพ สามารถทำการสั่งซื้อ DNA Test และทำการตรวจวิเคราะห์ยีนมะเร็ง ด้วยตัวเองที่บ้าน สะดวกสบาย ใช้งานง่าย ได้ข้อมูลที่แม่นยำอย่างเจาะลึก กับการตรวจ DNA Welala

รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ DNA ประกอบด้วยอะไรบ้าง

DNA สิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถไขคำตอบเกี่ยวกับชีวิตได้ โดยสิ่งนี้ถูกค้นพบจากนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ที่มีชื่อว่า ฟรานซิส คริก (Francis Crick) และนักชีววิทยาที่มีชื่อว่า เจมส์ วัตสัน (James Watson) ที่เชื่อว่าการทราบถึงโครงสร้างทางเคมีของยีน จะเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถอธิบายได้ถึงกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม จากสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งถึงอีกรุ่นหนึ่ง และทำให้เกิดการศึกษาวิจัยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง จนถึงในช่วงยุคปัจจุบันที่สามารถทราบได้ถึงข้อมูลเชิงลึกที่มากกว่าการตรวจหาความเชื่อมโยงทางสายเลือด

ทำความรู้จักกับ DNA

ดีเอ็นเอ DNA หรือ Deoxyribonucleic acid ล้วนเป็นองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก คน, สัตว์, พืช หรือแม้แต่เชื้อแบคทีเรีย ยกเว้นในเชื้อไวรัส ในร่างกายของเราประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมาก และในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายมี DNA ที่ทำหน้าที่ในการสร้างสายโปรตีนออกมาใช้เป็นส่วนประกอบ ทำให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถที่จะดำรงชีวิตและรักษาเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ 

DNA ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง หากมีการเจาะลึกลงไปแล้วนั้น ดีเอ็นเอ DNA หรือ Deoxyribonucleic acid ประกอบไปด้วยหน่วยย่อยที่มีชื่อว่า นิวคลิโอไทด์ (Nucleotide) 4 ชนิดตามไนโตรจีนัสเบส ที่เป็นฐานของ DNA ประกอบไปด้วย อะดีโนซีนไทรฟอสเฟต (ATP) กัวโนซีนไทรฟอสเฟต (GTP) ไซโทซีนไทรฟอสเฟต (CTP) และไทมิดีนไทรฟอสเฟต (TTP) โดยการเรียงลำดับของนิวคลิโอไทด์ 4 ชนิดนี้ จะส่งผลให้เกิดความหลากหลายและความแตกต่างในลำดับเบสบนสาย DNA มีความจำเพาะในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด

DNA มีคุณสมบัติสำคัญอย่างไร?

ดีเอ็นเอ DNA สามารถส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยการจำลองตัวเอง (DNA Replication) โดยเป็นการสร้าง DNA ที่มีลักษณะเหมือนเดิมให้กับเซลล์ใหม่ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ส่งต่อจากรุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก และรุ่นลูกส่งต่อไปถึงรุ่นหลานต่อเป็นทอดๆ ควบคุมเซลล์สังเคราะห์สาร เพื่อแสดงลักษณะทางพันธุกรรม รูปร่าง หน้าตา ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะทางความคิด ความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายที่ส่งต่อทางพันธุกรรม ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงจากเดิมได้ และอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่เคยมี

ทำไมการตรวจ DNA ถึงสามารถตรวจคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดโรคได้

เนื่องจากดีเอ็นเอ DNA ของแต่ละบุคคลมีความเฉพาะและเจาะจงที่สามารถจะบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของระบบการเผาผลาญ บ่งบอกถึงการตอบสนองต่อสารอาหารแต่ละชนิด บอกถึงการตอบสนองต่ออาการแพ้ และอีกหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง สามารถที่จะบ่งบอกได้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงเกี่ยวกับพันธุกรรม รวมไปถึงโรคเรื้อรังต่างๆ ที่มีตัวกำหนดเป็นสุขภาพพื้นฐาน ดังนั้น การตรวจ DNA ของแต่ละบุคคล นอกจากจะสามารถตรวจหาความเกี่ยวข้องทางสายเลือดได้แล้ว การตรวจ DNA Welala จึงสามารถที่จะคัดกรองและทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคทาง DNA ได้

สั่งซื้อชุดตรวจ DNA ที่บ้าน กับ Welala ดีกว่ายังไง?

สิ่งที่ปรากฏกับมนุษย์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, บุคลิก, หน้าตา, รูปร่าง, พรสวรรค์, อาการแพ้, อาการเครียด, ความคิด หรือแม้แต่โรคร้าย ล้วนแล้วอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ซึ่งในปัจจุบันสามารถที่จะตรวจสอบผ่านทางโปรแกรมตรวจ DNA ได้แล้ว โดยการตรวจสอบจะบ่งบอกโดยละเอียดว่า DNA ของคุณมีความเสี่ยงในด้านอะไรบ้าง และมีความพิเศษ มีจุดเด่นในด้านใด ช่วยให้สามารถรู้จักตัวเองรวมไปถึงสามารถที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในอนาคต และการตรวจนั้นสามารถที่จะทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล สามารถสั่งซื้อ DNA Test ชุด ตรวจ DNA Welala ไปตรวจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่เจ็บตัว แต่ให้ผลอย่างแม่นยำ

เช็กให้ชัวร์ คุณเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้อาหารแฝงหรือเปล่า?

รู้หรือไม่? มีคนไทยอยู่อีกจำนวนไม่น้อยที่ดูภายนอกแล้วดูเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ภายในกลับเข้าข่ายความเสี่ยงเป็น ภูมิแพ้อาหารแฝง เนื่องจากอาการภูมิแพ้อาหารแฝงนั้นอาจไม่ได้แสดงออกถึงอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรงในทันทีและเฉียบพลัน แต่จะค่อยๆ สะสมภายในร่างกายจนอาจนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาทิเช่น โรคลำไส้แปรปรวน, ปวดศีรษะไมเกรน, โรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคอื่นๆ อีกมากมาย

ภูมิแพ้อาหารแฝง คืออะไร?

ภูมิแพ้อาหารแฝง หรือ การแพ้อาหารแบบเรื้อรัง เกิดจากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ (Enzyme) ในการย่อยอาหารชนิดนั้นๆ ส่งผลให้การย่อยอาหารที่ทานเข้าไปไม่สมบูรณ์ และร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ไม่ดี โมเลกุลจากอาหารจึงสามารถที่จะหลุดเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านต่ออาหารชนิดนั้นๆ โดยอาจมีลักษณะคล้ายกับภาวะลำไส้รั่วซึม ซึ่งอาการ ภูมิแพ้อาหารแฝง จะไม่แสดงอาการออกมาในทันที จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่รู้ และการรับประทานอาหารชนิดนั้นต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้มีอาการต่างๆ ตามมาในที่สุด

ลักษณะอาการภูมิแพ้อาหารแฝง

อาการภูมิแพ้อาหารแฝงอาจจะสังเกตได้ยาก หากไม่ได้ทำการเข้ารับการตรวจสอบอาการแพ้อาหารแฝง หรือตรวจสอบด้วย DNA Test เนื่องจากอาการภูมิแพ้อาหารแฝงนั้นกว่าที่จะมีการแสดงอาการออกมา อาจใช้เวลานานกว่า 48 ชั่วโมง และอาการก็มักที่จะไม่รุนแรง จนหลายคนอาจไม่ได้นึกถึงอาการแพ้อาหาร แต่หากสังเกตได้ถึงอาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับจุดต่างๆ ของร่างกาย อาจสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดจากภูมิแพ้อาหารแฝง หรือเพื่อความแม่นยำสามารถตรวจการแพ้อาหารแฝงได้ด้วย DNA Test

อาการทางเดินอาหาร

หากรู้สึกได้ถึงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุดเสียดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้เรอหรือผายลมบ่อย หรือมีอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน ระบบขับถ่ายไม่ดี ถ่ายไม่ออก ขับถ่ายไม่เป็นเวลา อาจเป็นหนึ่งในอาการทางเดินอาหารที่เกิดจากภูมิแพ้อาการแฝงตัวได้

อาการทางผิวหนัง

ภูมิแพ้อาหารแฝง อาจส่งผลให้เกิดอาการทางผิวหนังโดยไม่รู้ตัว อาทิเช่น การเกิดสิวอักเสบ หรือเกิดการอักเสบที่ใต้ชั้นผิวหนัง โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ที่บริเวณใบหน้า, บริเวณลำตัว, บริเวณหลัง, แขนขา อาจทำให้เกิดอาการลมพิษ ผื่นคัน หรือเกิดอาการผิวบวมได้ เช่นเดียวกับการแพ้อาหารฉับพลัน แต่ต่างกันที่อาการเหล่านี้จะไม่ได้แสดงอาการออกมาในทันที

อาการทางเดินหายใจ

การแพ้อาหารแฝงที่มีอาการทางเดินหายใจ อาจส่งผลให้เกิดการไอ, จาม, น้ำมูกไหล, คัดจมูก จนอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น อย่าง จมูกอักเสบ, ไซนัสอักเสบ และหอบหืด ที่อาจส่งผลอันตรายตามมาต่อร่างกาย 

อาการในระบบอื่น ๆ

นอกจากอาการที่เกิดขึ้นกับทางเดินอาหาร อาการทางผิวหนัง และอาการทางเดินหายใจแล้ว ภูมิแพ้อาหารแฝง ยังอาจส่งผลกระทบให้เกิดอาการในระบบอื่นๆ อย่าง ระบบประสาท ระบบกระดูกและข้อต่อ อีกด้วย หากสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อาทิเช่น มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง, ปวดหัวไมเกรน, ปวดข้อ, ปวดเข่า หรือมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกไม่สบายตัว อาการเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในอาการที่อาจเกิดขึ้นจากภูมิแพ้อาหารแฝงเช่นเดียวกัน

การตรวจ DNA อีกหนึ่งวิธีตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงแบบไม่เจ็บตัว!

ภูมิแพ้อาหารแฝง เป็นอีกหนึ่งโรคที่เป็นกันเยอะและหลายคนไม่รู้ตัว เนื่องด้วยอาการที่ไม่ได้แสดงออกถึงการแพ้อย่างเฉียบพลันจึงยากที่จะหาทางหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรืออาจนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ และโรคที่อันตรายต่อสุขภาพ แต่หากต้องการที่จะทราบถึงความเสี่ยงในการแพ้ต่างๆ ข้อมูลการแพ้อาหารแฝงว่าตัวเองนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหน สามารถทำการทดสอบตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงได้จาก DNA Test ที่ใช้เพียงน้ำลายโดยที่ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องเจ็บตัว ด้วยการ ตรวจ DNA Welala ที่มีความแม่นยำถึง 99.999% เพียงเท่านี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้อาหารแฝงได้

ทำความรู้จักหน้าที่ของ DNA

DNA เป็นกรดนิวคลิอิก ที่จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งคน, พืช, สัตว์, แบคทีเรีย, เชื้อรา ยกเว้นเชื้อไวรัส โดย DNA ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบโครโมโซม วางตัวอยู่ในนิวเคลียสภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ หน้าที่ของ DNA จะช่วยบ่งบอกโครงสร้างทางเคมีของยีน อธิบายถึงกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งถึงสิ่งมีชีวิตอีกรุ่นหนึ่ง และเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขข้อสงสัยที่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกแต่ละชนิดสามารถที่จะดำรงชีวิต ดำรงเผ่าพันธุ์ และสามารถที่จะสืบทอดลักษณะต่างๆ มาได้อย่างไร

DNA คืออะไร?

DNA สารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมไปสู่รุ่นต่อรุ่น โดยผ่านกระบวนการจำลองตนเอง หรือ DNA Replication ซึ่งโครงสร้างของ DNA นั้น ประกอบไปด้วยโพลีเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ 2 สาย พันเป็นเกลียวคู่ ที่ประกอบไปด้วย น้ำตาล หมู่ฟอสเฟส เบสหรือรหัสพันธุกรรม ได้แก่ อะดีนีน, ไทมีน, ไซโดซีน และกัวนีน ที่มีการใช้ถ่ายทอด ส่งต่อไปยังรุ่นลูกและจากรุ่นลูกไปยังรุ่นหลาน รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ข้อมูลสุขภาพเชิงลึก พรสวรรค์ โดยสามารถแปลรหัสเหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนที่ใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์ เรียกช่วงหนึ่งของ DNA ที่สามารถผลิตเป็นโปรตีนได้ว่า ยีน และเนื่องจากมีการส่งต่อทาง DNA โดยตรง ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สามารถพบได้จากการ ตรวจ DNA Welala จึงไม่แปลกที่หากภายในครอบครัว ลูกจะมีลักษณะ รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ สุขภาพ ที่เหมือนกับพ่อแม่

หน้าที่ของ DNA

หน้าที่ของ DNA ประกอบไปด้วย 2 หน้าที่หลักด้วยกัน คือ การจำลองตัวเองในขณะที่เกิดการแบ่งเซลล์ หรือเป็นการสร้าง DNA ใหม่ ที่เหมือนกันกับ DNA เดิม และถ่ายทอดข้อมูลผ่าน RNA โดยที่ DNA จะถูกถอดรหัสเพื่อทำการสร้าง RNA ที่จะทำหน้าที่ในการกำหนดการเรียงตัวของกรดอะมิโน ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน และด้วยหน้าที่หลักทั้ง 2 ประการนี้ของ DNA จะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตสามารถที่จะสืบทอดลักษณะประจำของเผ่าพันธุ์ และสามารถที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองต่อไปได้

1. จำลองตัวเอง (DNA replication)

จากการศึกษาพบว่า การจำลองตัวเอง หรือ DNA Replication สิ่งมีชีวิตทุกชีวิต สามารถที่จะสร้างและจำลองตัวเองได้ในขณะที่เกิดการแบ่งเซลล์ เพื่อเป็นการสร้าง DNA ที่มีหน้าตาและองค์ประกอบเหมือนเดิมทุกประการ ให้แก่เซลล์ใหม่ โดยการจำลองตัวเองของ DNA นั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน เริ่มต้นจากการจำลองตัวเองของ DNA มาต่อที่การขยายยาวของสายโพลลีนิวคลีโอไทด์สายใหม่ ที่สามารถแบ่งออกได้เป็นสายต่อเนื่องและสายไม่ต่อเนื่อง และไปถึงจุดสิ้นสุดการจำลองตัวเองของ DNA โดยในตำแหน่งนี้จะมีสุดสิ้นสุดของการจำลองตัวเองของ DNA อยู่ที่ตำแหน่งนี้ 20 คู่เบส โดยจะมีโปรตีนที่ทำการจดจำตำแหน่งเข้ามาตรวจจับเพื่อหยุดการจำลองตัวเองของ DNA ลง

2. ถ่ายทอดข้อมูลผ่านอาร์เอ็นเอ (transcription)

การถ่ายทอดข้อมูลผ่าน RNA คือ หนึ่งใน หน้าที่ของ DNA ที่เป็นหน้าที่หลัก โดย DNA จะสามารถถอดรหัสเพื่อสร้าง RNA โดย RNA ที่ได้จากการถอดรหัสนี้จะทำหน้าที่ในการกำหนดให้กรดอะมิโนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนเรียงตัว ที่ซึ่งโปรตีนที่ได้จากกระบวนการเหล่านี้จะถูกนำเอามาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในโครงสร้างส่วนต่างๆ ของเซลล์ร่างกาย อีกทั้งช่วยเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ในสิ่งมีชีวิตต่างๆ

DNA Test การตรวจสุขภาพเชิงลึกที่ทำได้เองที่บ้าน

DNA คือ สิ่งที่จะส่งต่อถ่ายทอดข้อมูลพันธุกรรมจากพ่อแม่หรือจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกได้ถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ มากมาย อาทิเช่น เผ่าพันธุ์, ลักษณะทางกายภาพ, ความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ, การแพ้, พรสวรรค์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบันสามารถที่จะทราบได้ถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เหล่านี้ เพื่อทำความรู้จักตัวเอง รับรู้ความเสี่ยงที่ส่งต่อผ่านทาง DNA ทราบได้ถึงแนวทางการดูแลสุขภาพ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างทันท่วงทีด้วยการตรวจ DNA Test ที่มีความแม่นยำและถูกต้อง

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน? แนะนำ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย หากินง่าย ที่สายเฮลธ์ตี้ห้ามพลาด!

สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอ็ท แล้วกำลังมองหาผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน มีน้ำตาลน้อย ไว้รับประทานแทนของหวาน เรามี 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายมาแนะนำ ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ สามารถไปหาซื้อมารับประทานได้เลย!

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน? แนะนำ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับช่วงไดเอ็ท

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วนที่เรานำมาแนะนำนี้ เป็นผลไม้ไทยที่หาซื้อไม่ยาก ราคาแพง สามารถกินได้ง่ายตลอดทั้งปีเลย จะมีผลไม้น่าสนใจอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. ฝรั่ง

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก โดยฝรั่งหนึ่งลูกจะให้วิตามินซีสูงถึง 377 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าส้มถึง 5 เท่า แถมยังมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินเอด้วย ที่สำคัญยังมีน้ำตาลน้อยมาก ประมาณ 9 กรัมต่อ 1 ผลเท่านั้น จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังไดเอ็ทมากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้อิ่มนาน อยู่ท้องแล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วย

2. อะโวคาโด

สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยเสริมไขมันดี และลดระดับไขมันเลวในร่างกาย “อะโวคาโด” เป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะเป็นแหล่งไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หาซื้อไม่ยาก และราคาไม่แพง ที่สำคัญยังมีไฟเบอร์และโปรตีนสูง ซึ่งจะช่วยให้อิ่มท้อง ไม่ทำให้หิวบ่อย ๆ ด้วย

3. แอปเปิล

แอปเปิลเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย และมีราคาไม่แพง หากคุณไม่รู้จะกินอะไรดี การหยิบแอปเปิลมากินสักลูกย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะได้รับประโยชน์มากมายจากแอปเปิล ยกตัวอย่างเช่น

  • มีกากใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • เปลือกของแอปเปิลจะอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย และรอยตีนกา
  • เส้นใยของแอปเปิลเป็นชนิดละลายน้ำได้ สามารถช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด และกำจัดไขมันเลวอย่าง LDL (Low Density Lipoprotein) ได้เป็นอย่างดี

4. แก้วมังกร

แก้วมังกรเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และบำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้ในเนื้อแก้วมังกรยังอุดมไปด้วยน้ำมากกว่า 70% จึงช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้รับประทาน และมีพรีไบโอติกส์ ซึ่งเป็นอาหารของเหล่าโพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพด้วย

5. กล้วย

อีกหนึ่งผลไม้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “กล้วย” ผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ สามารถหากินได้ง่ายตลอดทั้งปี ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ แนะนำให้มีกล้วยติดไว้ในครัวเลย โดยกล้วยจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินบี ที่ช่วยบำรุงระบบประสาท โพแทสเซียม ที่ช่วยลดความดันโลหิต หรือสารทริปโตเฟน ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้นได้ เป็นต้น

ตรวจ DNA อีกหนึ่งตัวช่วยในการวางแผนลดน้ำหนักที่ดีที่สุด

หากคุณอยากลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และวางแผนดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้เหมาะสมที่สุด “การตรวจ DNA” นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยคุณได้ เพราะการตรวจ DNA สามารถบอกได้เลยว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารอะไร  มีความไวต่ออาหารชนิดไหน และเหมาะสมกับการออกกำลังกายประเภทใด ซึ่งเมื่อคุณนำผลตรวจที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันแล้วล่ะก็ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่สนใจตรวจ DNA สามารถสั่งซื้อชุดตรวจ DNA จาก Welala ไปตรวจด้วยตัวเองที่บ้านได้เลย ตรวจง่าย เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ที่สำคัญยังให้ความแม่นยำ และความถูกต้องสูงถึง 99.999% ด้วย!

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อยที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยเป็นไอเดียให้คุณหาผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วนที่ตัวเองชอบเจอ และทำให้การควบคุมน้ำหนักประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลไม้เหล่านี้จะมีน้ำตาลน้อย และเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่ก็ควรรับประทานอย่างพอดี ไม่อย่างนั้นก็อาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป และทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้

แชร์วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O

นอกการทำ Intermittent Fasting (IF) และการทำ Ketogenic Diet แล้ว การลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะมีหลายคนที่ทำแล้วเห็นผล มีการบอกต่อกัน และสามารถทำร่วมกับวิธีควบคุมน้ำหนักวิธีอื่น ๆ ได้ ซึ่งในบทความนี้ Welala จะมาแชร์วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O กัน ใครเป็นที่ชาวเลือดกรุ๊ปโอต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย!

แนะนำ 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ใครทำก็เห็นผล!

คนเลือดกรุ๊ป O จะมีกรดในกระเพาะอาหารค่อนข้างสูง ทำให้สามารถย่อยอาหารจำพวกกลุ่มโปรตีนได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีปัญหาเรื่องระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ค่อยดี จึงเป็นคนที่สามารถอ้วนได้ง่าย

วิธีการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O จึงต้องใส่ใจการเลือกอาหาประเภทโปรตีนที่ไม่ติดมัน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์ หรือเพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายนั่นเอง 

สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เราได้สรุป 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O มาให้แล้ว ไปลองทำตามกันดูได้เลย!

1. เน้นรับประทานโปรตีนไม่ติดมัน

เนื่องจากชาวกรุ๊ปโอสามารถย่อยอาหารจำพวกโปรตีนได้ดี แต่มีระบบการทำงานเผาผลาญที่ไม่ค่อยดี จึงควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันไม่สูงมาก เช่น เนื้อปลา กุ้ง ปู หมูสันใน หรืออกไก่ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนไปสร้างกล้ามเนื้ออย่างเพียงพอ และทำให้ระบบเมตาบอลิซึมเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานได้เร็วขึ้น

2. ลดอาหารจำพวกแป้งลง

คนกรุ๊ปโอนั้นเป็นคนที่อ้วนง่าย เราจึงไม่ควรที่จะรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง พืชตระกูลหัวอย่างมันฝรั่ง เผือก หรือมันเทศ มากจนเกินไป โดยเฉพาะในคนที่เลือกจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว

3. หาตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม

คนกรุ๊ปโอมักมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบเมตาบอลิซึมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงานไปใช้ จึงควรรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้ระบบเมตาบอลิซึมทำงานได้ดีขึ้น เช่น เนื้อ ตับ เซียงจี๊ ไข่ไก่ ผักใบเขียว ผักโขม ถั่ว หรือเสริมด้วยวิตามินบีรวมได้ยิ่งดี

4. หลีกเลี่ยงอาหาร หรือเครื่องดื่มที่กรดในกระเพาะอาหาร

ชาวกรุ๊ปโอจะมีกรดในกระเพาะอาหารมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ จึงไม่ควรรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น

  • ของทอด
  • นม เนย ชีส
  • คุ้กกี้
  • ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น  ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง

5. ออกกำลังกายเป็นประจำ

สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยของการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ก็คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำ เช่น การเต้นแอโรบิก วิ่งเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ เพื่อกระตุ้นให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพตามกรุ๊ปเลือดมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วย

ตรวจ DNA อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจ DNA เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถบอกได้เลยว่า ร่างกายกำลังขาดสารอาหารอะไร มีความไวต่ออาหารชนิดไหน และเหมาะสมกับการออกกำลังกายประเภทใด ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอย่างเหมาะสมที่สุด 

ใครที่อยากเสริมประสิทธิภาพวิธีการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O มากขึ้น สามารถสั่งซื้อชุดตรวจ DNA จาก Welala ไปตรวจด้วยตัวเองที่บ้านได้เลย ตรวจง่าย เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ที่สำคัญยังให้ความแม่นยำและความถูกต้องสูงถึง 99.999%

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าสามารถทำตามได้ไม่ยากเลย ใครที่เป็นชาวกรุ๊ปโอ อย่าลืมไปลองทำตามกันดู รับรองว่าจะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างแน่นอน

ไขข้อสงสัย อาการแพ้แอลกอฮอล์ คืออะไร? เกี่ยวข้องกับ DNA หรือไม่?

ใครที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วมีอาการหน้าแดงบ่อย ๆ รู้สึกใจสั่น หรือวิงเวียนศีรษะ มักจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นคนที่คออ่อน ดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอาการมึนเมาได้ง่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วนั่นอาจเป็นหนึ่งในอาการแพ้แอลกอฮอล์ก็ได้

สำหรับใครที่สงสัยว่าอาการแพ้แอลกอฮอล์คืออะไร? มีลักษณะอาการเป็นอย่างไร? มีความสัมพันธ์กับ DNA หรือไม่? Welala ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว สามารถหาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย

แพ้แอลกอฮอล์ คืออะไร?

แพ้แอลกอฮอล์ คือ อาการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซม์แอลดีไฮด์ดีไฮโดรจีเนส (Aldehyde dehydrogenase) หรือ ALDH2 ได้เพียงพอ ซึ่งเอนไซม์ ALDH2 เป็นตัวการสำคัญที่มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงสารพิษอะซิทัลดีไฮด์ (acetaldehyde) ที่ได้รับจากการดื่มแอลกอฮอล์ ให้กลายเป็นสารอะซิเตท (acetate) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัย และไม่มีพิษต่อร่างกาย เพื่อที่จะได้สามารถขับออกไปได้

ผลที่ตามมาของการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ ALDH2 ก็คือจะทำให้สารพิษอะซิทัลดีไฮด์ตกค้างอยู่ในร่างกาย จนทำให้เกิดอาการแพ้ตามมานั่นเอง

ลักษณะอาการแพ้แอลกอฮอล์

  • มีอาการมึนหัว หน้าแดง ตัวแดง  ตาแดง ได้เร็วกว่าคนทั่วไป แม้จะดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่อาการจะหายเป็นปกติ
  • บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  • บางคนอาจมีอาการแพ้รุนแรงจนถึงขั้นแน่นหน้าอก ลมพิษ หรือหายใจติดขัดได้ ซึ่งเป็นอาการอันตรายที่จะต้องไปพบแพทย์ทันที ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เสียชีวิตได้

พันธุกรรมเกี่ยวข้องกับการแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่?

พันธุกรรมมีความเกี่ยวข้องกับการแพ้แอลกอฮอล์ เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า บานสาย DNA จะมียีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างเอนไซม์ ALDH2 ถ้าหากยีนตัวนั้นมีการกลายพันธุ์ ก็จะทำให้ร่างกายผลิตเอนไซม์ ALDH2 ได้น้อยลง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงสารอะซิทันดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอะซิเตทได้หมด ก็จะทำให้เกิดการสะสมของสารพิษจนทำให้เกิดเป็นอาการแพ้ตามมาได้นั่นเอง

ตรวจหาพันธุกรรมเกี่ยวกับแพ้แอลกอฮอล์ได้อย่างไร?

สำหรับใครที่มีอาการมึนหัว หน้าแดง ตัวแดง หรือตาแดงบ่อย ๆ เวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์ แล้วกำลังกังวลว่าตัวเองจะมีอาการแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่นั้น คุณสามารถตรวจอาการแพ้แอลกอฮอล์ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการสั่งซื้อชุดตรวจ DNA ของ Welala ไปตรวจที่บ้านได้เลย 

วิธีการตรวจ DNA สามารถทำได้ง่าย แค่เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะสามารถตรวจอาการแพ้แอลกอฮอล์จากพันธุกรรมได้แล้ว ยังสามารถตรวจสุขภาพอื่น ๆ ได้อีกกว่า 500 รายการในครั้งเดียว เช่น การตรวจความเสี่ยงมะเร็ง ความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสมอง ความเครียด หรือนอนหลับ รับรองว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน

สรุป

จะเห็นได้ว่า อาการแพ้แอลกอฮอล์อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ใครที่พบว่า ตนเอง หรือคนใกล้ตัวมีอาการเข้าข่ายการแพ้แอลกอฮอล์ แนะนำให้ควรเข้ารับการตรวจหาอาการแพ้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้ดูว่าตัวเองมีอาการแพ้จริง ๆ ใช่หรือไม่ หลังจากนั้นจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม และลดความเสี่ยงทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการแพ้แอลกอฮอล์นั่นเอง

ไขข้อสงสัย เลือดออกตามไรฟัน ขาดวิตามินอะไร และมีสาเหตุอะไรอีกบ้าง?

หากแปรงฟันอยู่ดี ๆ แล้วมีเลือดติดอยู่บริเวณแปรงสีฟัน หรือบ้วนปากแล้วมีเลือดปนออกมาบ่อย ๆ นั่นอาจแสดงว่าคุณกำลังมีอาการเลือดออกตามไรฟันอยู่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินบางชนิด หรือ เป็นอาการเริ่มต้นของโรคเหงือกอักเสบและโรคในช่องปากก็ได้

สำหรับใครที่มีเลือดออกตามไรฟัน แล้วอยากรู้ว่าเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง? Welala ได้รวม 4 สาเหตุพบบ่อยที่ทำให้เกิดเลือดออกตามไรฟันมาให้แล้ว ใครที่สงสัยว่า เลือดออกตามไรฟันขาดวิตามินอะไร? หรือมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจมองข้ามอีกบ้างไหม หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย

รวม 4 สาเหตุเลือดออกตามไรฟันที่หลายคนอาจมองข้าม

เลือดออกตามไรฟันเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของช่องปาก ซึ่งหลายคนมักมองข้ามกัน กว่าจะรู้ตัวอีกที อาการเลือดออกตามไรฟันก็พัฒนาไปเป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือโรคในช่องปากอื่น ๆ แล้ว โดยสาเหตุที่ทำให้เลือดออกตามไรฟันที่พบบ่อย มีดังนี้

1. แปรงฟันแรงเกินไป หรือแปรงฟันผิดวิธี

การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดี 

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ยังแปรงฟันผิดวิธี เช่น 

  • เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งและแปรงแรง ๆ เพื่อให้ฟันสะอาด จนทำให้เกิดอาการเหงือกร่น เหงือกอักเสบ
  • ใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเคลือบฟันให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้ฟันผุ หรือเป็นรู จนทำให้ผิวเคลือบฟันไม่แข็งแรง
  • ไม่ใช้ไหมขัดฟันหลังจากแปรงฟัน ทำให้ยังมีเศษอาหารตกค้างอยู่บริเวณซอกฟันที่ทำความสะอาดได้ยาก จนกลายเป็นคราบหินปูน และทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุได้

การที่เราแปรงฟันไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้ฟันและช่องปากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ จนส่งผลให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียต่าง ๆ และนำมาสู่การเป็นโรคในช่องปากจนทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟันได้นั่นเอง

2. ขาดวิตามินซี

เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของเลือดออกตามไรฟันที่พบได้บ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ไม่รับประทานผักและผลไม้ โดยการขาดวิตามินซีจะทำให้ร่างกายเป็นโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง และมีเลือดออกตามไรฟันได้ง่าย

โรคลักปิดลักเปิดนั้นเป็นโรคที่ค่อนข้างอันตราย ถ้าหากผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่ไม่ได้รับการรักษา และปล่อยให้ร่างกายของตัวเองขาดวิตามินซีอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟันแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงอื่น ๆ ตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็น ฟันโยก ตาโปน หรือเลือดออกใต้ผิวหนัง

สำหรับใครที่สงสัยว่าตนเองมีแนวโน้มในการขาดวิตามินซี รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นในร่างกาย คุณสามารถตรวจร่างกายด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการสั่งชุดตรวจ Vitamin DNA จาก Welala ไปตรวจเองที่บ้านได้เลย เก็บตัวอย่างทางน้ำลาย ไม่ต้องเจาะเลือด และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ!

3. ติดเชื้อภายในเหงือก

สาเหตุของการติดเชื้อภายในเหงือกนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากคราบพลัค โดยจะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก ฟัน เนื้อเยื่อเหงือก และกระดูกที่ช่วยพยุงฟัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการเลือดออกตามไรฟันเป็นระยะแรก ๆ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาก็จะทำให้เกิดอาการฟันโยก ฟันหลุด หรือร้ายแรงจนถึงขั้นต้องถอนฟันซี่นั้นออกได้เลย

คราบพลัคนั้น เป็นแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่มีลักษณะเหมือนกับแผ่นฟิล์มเหนียว ๆ ไร้สี ก่อนที่จะค่อย ๆ เกาะรวมตัวกันบนผิวฟัน ซึ่งการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันปกติไม่สามารถขจัดคราบออกได้หมด จำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการขูดหินปูนออกเท่านั้น 

ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากติดเชื้อภายในเหงือกจนทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน ฟันโยก หรือฟันหลุด ก็ควรจะหมั่นไปขูดหินปูนและตรวจสุขภาพฟันและช่องปากกับทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี

4. เกล็ดเลือดต่ำ

เกล็ดเลือดต่ำ เป็นภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเกล็ดเลือดต่ำกว่าค่าปกติ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เช่น ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดได้ลดลง เกล็ดเลือดถูกทำลายจากสาเหตุต่าง ๆ หรือเป็นโรคที่สร้างภูมิต้านทานทำลายเกล็ดเลือด 

ผลที่ตามมาของการมีเกล็ดเลือดต่ำคือ จะทำให้มีอาการเลือดออกจากเยื่อบุช่องปาก มีจุดเลือดออก หรือจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย โดยที่ไม่ได้รับการกระทบกระแทก มีเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ หรือปัสสาวะเป็นเลือด ถ้าหากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที

แนะนำวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟันง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ทำได้

สำหรับใครที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน นอกจากการไปพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการขูดหินปูน และตรวจสุขภาพฟันและช่องปากที่จะต้องทำตามปกติอยู่แล้ว เรายังมีวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟันง่าย ๆ มาฝากด้วย สามารถนำไปทำตามได้เลย!

  • รับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะขามป้อม หรือลิ้นจี่ เป็นต้น
  • ควรแปรงฟันให้ทั่วทั้งช่องปาก และซอกฟัน
  • หลังจากที่แปรงฟันเสร็จแล้วจะต้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงด้วย
  • ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก ๆ 2  เดือน
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • ระมัดระวังไม่ให้เครียดจนเกินไป เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้เลือดออกตามไรฟันได้
  • งดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคในช่องปาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 สาเหตุที่ทำให้เลือดออกตามไรฟัน และวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยเลือดออกตามไรฟันขาดวิตามินอะไร และทำให้คุณรู้จักวิธีดูแลสุขภาพฟันและช่องปากของตนเองอย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ตรวจ DNA ราคาเท่าไร

คงปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ปัจจุบัน การดูแลสุขภาพ และ การดูแลตัวเอง ถือเป็น กระแส ที่กำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิว การเข้าฟิตเนสเป็นประจำ หรือ การ กิน อาหารเสริม วิตามิน หรือ เวย์โปรตีน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่กลายเป็น ปกติ ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศเอง ก็เริ่มมีกระแส การ ตรวจ DNA หรือ รหัสพันธุกรรม ขึ้น ซึ่ง สามารถไปอ่านรายละเอียด ถึง เหตุที่ว่า ทำไมเราต้องตรวจ DNA ได้ที่ลิ้งเลย

แต่ก่อนที่ เราจะไปดูว่า ตรวจ DNA ราคา เท่าไร และ เราจะสามารถไปตรวจได้ที่ไหนบ้าง เราต้องมาดูกันก่อนว่า การ ตรวจ DNA มีกี่แบบ เพราะแต่ละแบบก็มีราคาที่แตกต่างกัน

ประเภทของการตรวจ DNA

การ ตรวจ DNA ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ คือ DNA Sequencing หรือ การวิเคราะห์ ลำดับเบส ซึ่งเป็น กระบวนการ ที่เราจะนำตัวอย่าง (เช่น สารคัดหลั่ง หรือ เลือด) มาใช้ในการอ่านและทราบลำดับของกรดอะมิโนในเอ็นดีเอ ที่ประกอบไปด้วยเบสสี่ชนิด แทนที่ด้วยตัวอักษร A, T, C, G มาเรียงต่อกัน โดยลำดับของ DNA นั้น จะสามารถใช้วัดประสิทธิภาพของร่างกาย และโอกาสการเกิดโรค ได้

ประเภทของการ ตรวจ DNA

Sanger Sequencing

การถอดรหัส DNA แบบแรกนั้น ถูกคิดค้นขึ้นมาในปี 1977 โดย Frederik Sanger โดยถือว่าเป็นวิธีแรกๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ ใช้ในการ ตรวจ DNA โดยการใช้สารที่ชื่อว่า ddNTP (Dideoxyribonucleic Acid Nucleotides) มาช่วยในการหาลำดับเบส ผู้ที่สนใจสามารถ ตามไปอ่านได้ ที่นี่ เลยครับ โดย การ ตรวจ DNA วิธีนี้ จะมีค่าใช้จ่าย ถูกที่สุด

Fragment Analysis หรือ Microarray

เป็นวิธีการตรวจ DNA โดยการแตกโครงสร้าง DNA ออกเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ และนักวิทยาศาสตร์จะใช้ไฟฟ้า กระตุ้น ชิ้นส่วน DNA เหล่านั้น และทำการวัดลำดับจากความเร็วของการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วน DNA

Next Generation Sequencing (NGS)

เป็นวิธีการใหม่ล่าสุด โดยจะเป็นการใช้เครื่องมือสมัยใหม่ที่เราเรียกว่า เครื่อง sequencer มาใช้ในการช่วยแยก และอ่านลำดับเบส ของ DNA ได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ สูงสุด ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ทำให้การ ตรวจ DNA ให้กับประชาชนทั่วไปนั้น ทำได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ยังเป็นวิธีใหม่ และต้องใช้เครื่อง sequencer ที่มีราคาแพง ทำให้การตรวจ DNA โดยใช้วิธี NGS มี ราคา ที่แพง

ตรวจ DNA ราคา เท่าไร

ตรวจ DNA ราคาเท่าไร

ราคาในการตรวจ DNA นั้น ขึ้นอยู่กับ เทคโนโลยีในการ ตรวจ DNA รวมถึง ความละเอียดของผล ด้วย ซึ่งถ้าต้องการรายละเอียดมาก ก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการแยกและจัดลำดับเบสใน DNA มากขึ้น และทำให้ ราคา สูงขึ้นด้วย โดยที่ทาง Welala จะขอสรุปตามด้านล่างนี้

  • การตรวจ DNA โดยวิธี Fragment Analysis ราคา เฉลี่ย อยู่ที่ 5,000 บาท
  • สำหรับการตรวจ DNA แบบ NGS เพื่อดูถึง โอกาสการเกิดโรค และสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงตัวบ่งชี้ทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในปัจจุบัน มี ราคา เฉลี่ย อยู่ที่ 20,000 บาท
  • การตรวจ DNA แบบ NGS แบบเลือกองค์ประกอบ มี ราคา เฉลี่ย อยู่ที่ 8,900 บาท

โดยปัจจุบัน ทางเลือกของการ ตรวจ DNA มีมากขึ้น โดยมีทั้งการตรวจที่คลีนิค และ ตรวจเองที่บ้าน สิ่งที่สำคัญคือ เราสามารถนำผลที่ได้ จากการตรวจ DNA ไปใช้ในการดูแลรักษาตัวเองเพิ่มเติมได้อย่างไร ซึ่งเรามาเจอกันในโพสหน้านะครับ