การแต่งงานในเครือญาติ เสี่ยงทำให้ลูกเกิดความผิดปกติ

ในอดีตการแต่งงานในเครือญาติ อาจจะพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แต่ในปัจจุบันนั้นการแต่งงานในเครื่องญาติไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะนอกจากความเหมาะสมที่เกิดขึ้นในการแต่งงาน เด็กที่เกิดมานั้นอาจมีความเสี่ยงที่จะมีข้อบกพร่องต่าง ๆ ทางร่างกายอีกด้วย แต่ถึงแม้ในปัจจุบันการแต่งงานในเครือญาติจะไม่ค่อยมีให้เห็นได้ง่ายเท่าในอดีต แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เนื่องจากวัฒนธรรมหรือการต้องการรักษาสายเลือด ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อาจทำให้เห็นการแต่งงานในเครือญาติได้อยู่บ้างเช่นเดียวกัน

การแต่งงานในเครือญาติคืออะไร

ตามที่ได้มีการกล่าวไปในข้างต้น การแต่งงานในเครือญาติ คือ การที่ครอบครัว ญาติ พี่ น้อง ลูกพี่ลูกน้อง แต่งงานกันเองหรืออาจเกิดความรักใคร่กันเกิดขึ้น และนำไปสู่การมีลูกที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงผิดปกติ และอาจนำไปสู่โรคทางพันธุกรรม ปัญญาอ่อน หรือเกิดข้อบกพร่องต่อร่างกายได้ ซึ่งการแต่งงานในเครือญาตินี้จะพบเห็นได้มากในราชวงศ์โบราณ

จุดเริ่มต้นของการแต่งงานในเครือญาติ

ในอดีตพบว่าจากอารยธรรมโบราณ การแต่งงานในเครือญาติรวมไปถึงการสืบพันธุ์ในเครือญาตินั้นเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยม จนเกิดการส่งต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคราชวงศ์ชนชั้นสูงต่าง ๆ ในอดีต โดยอาจมีเหตุผลมาจากวัฒนธรรม การต้องการที่จะรักษาสายเลือด หรือรวมไปถึงเหตุผลทางการเมือง เป็นต้น จึงทำให้มีหลายบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงสามารถพบได้ว่ามีความปกติเกิดขึ้นจากผลของการแต่งงานในเครือญาติ ยกตัวอย่าง ราชวงศ์ฮับส์บูร์สายกษัตริย์สเปนและออสเตรีย

การแต่งงานในเครือญาติทำให้เกิดความเสี่ยงต่อลูกอย่างไร

ความผิดปกติของสติปัญญา

เด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ อาจเกิดความผิดปกติของสติปัญญา หรือ เกิดความบกพร่องทางสติปัญญาได้สูง โดยเด็กที่มีลักษณะนี้จะมีปัญหาในแทบจะทุก ๆ ด้านในการใช้ชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเด็กมีข้อจำกัดในการเรียนรู้ สมองหยุดพัฒนาหรือพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้เกิดความบกพร่องในทุก ๆ ด้านของการใช้ชีวิต

ระบบภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ

ระบบภูมิคุ้มกันตามกว่าปกติ จะส่งผลให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมสามารถที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมากกว่าคนปกติทั่วไป สำหรับเด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ อาจมีอาการป่วยบ่อย ป่วยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการป่วยด้วยไข้หวัด ท้องเสีย หรือการติดเชื้อราทางผิวหนัง อาทิเช่น กลาก เกลื้อน นั่นเอง จนอาจนำไปสู่โรคที่มีความอันตรายร้ายแรงอื่น ๆ ตามมาในอนาคต

เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติในส่วนของหลอดเลือดและหัวใจ ที่จะส่งผลต่อการไหลเวียนปริมาณของเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจและเซลล์สมอง ซึ่งเด็กและทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ โดยส่วนใหญ่มักเกิดมาพร้อมกับความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้

อัตราการตายในวัยเด็กเพิ่มสูงขึ้น

ตามที่ได้มีการกล่าวในข้างต้นว่าเด็กหรือทารกที่เกิดจากการแต่งงานในเครือญาติ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติและความบกพร่องของร่างกาย จึงทำให้อัตราการตายในวัยเด็กมีสูงมากยิ่งขึ้น ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ด้านสติปัญญาตามที่ได้มีการกล่าวถึงในข้างต้น แต่อาจนำไปสู่โรคทางพันธุกรรมและทำให้มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงนั่นเอง

สรุปจบบทความ

ถึงแม้ในปัจจุบันจะยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่าการแต่งงานในเครือญาติ นั้น เป็นเรื่องที่ผิดหรือถูกอย่างไรในด้านของศีลธรรม แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่แต่งงานในเครือญาตินั้น สามารถเป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจให้กับผู้ที่เป็นญาติ พี่น้อง ที่กำลังตัดสินใจจะแต่งงานและสืบสายพันธุ์ได้ แต่นอกเหนือไปจากการส่งต่อโรคทางพันธุกรรมจากการแต่งงานในเครือญาติแล้ว ยังมีโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ อีกที่สามารถส่งต่อให้กับลูกหลานได้ เป็นโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานในเครือญาติ หากต้องการจะป้องกันและหลีกเลี่ยงการส่งต่อ สามารถตรวจ DNA Welala เพื่อตรวจหาความเสี่ยงได้แล้ววันนี้

การเตรียมตัวก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ผู้หญิงควรรู้

โรคมะเร็งปากมดลูก หรือ Cervical cancer เป็นมะเร็งชนิดที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม โดยมะเร็งปากมดลูกนั้นเกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกที่อยู่ในบริเวณช่วงล่างของมดลูกที่มีจุดเชื่อมต่อกับช่องทางคลอด ซึ่งมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งชนิดที่สามารถพบได้บ่อยเป็นลำดับที่สอง รองลงมาจากมะเร็งเต้านม ในปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงให้คนไทยสามารถห่างไกลจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้มากยิ่งขึ้น

วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ตามที่ได้มีการกล่าวไปในข้างต้น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ สำหรับผู้หญิงทุกคนที่กำลังสนใจอยากที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถที่จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการตรวจได้ดังนี้

1. ตรวจภายในได้ทุกช่วงเวลา ยกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน

หากต้องการที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถเข้ารับการตรวจได้ในทุกช่วงเวลายกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน หากอยู่ในช่วงที่มีประจำเดือนแนะนำให้รอหลังจากมีประจำเดือนไปแล้ว 5 วัน แต่ในกรณีที่มีเลือดออกมามากกว่าปกติ สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ได้โดยตรง

2. ทานอาหารและน้ำได้ปกติ

ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถที่จะรับประทานอาหารและน้ำได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรืองดน้ำแต่อย่างใด เนื่องจากการตรวจคัดกรองมะเร็งนั้นแตกต่างไปจากการตรวจร่างกาย ต่อให้จะรับประทานอาหารหรือน้ำในช่วงเวลาใดก็ไม่มีผลต่อการตรวจ 100%

3. งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจ 24-48 ชั่วโมง

การเตรียมตัวตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะทำการตรวจภายใน หรือก่อนที่จะทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 24-48 ชั่วโมง เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์อาจส่งผลกระทบต่อการตรวจภายในได้

4. ปัสสาวะออกให้หมดก่อนรับการตรวจภายใน

ก่อนเข้ารับการตรวจภายในหรือก่อนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยควรทำการปัสสาวะออกให้หมดเสียก่อนเข้ารับการตรวจ เนื่องจากแพทย์ที่ทำการวินิจฉัยจะสามารถทำการตรวจขนาดของมดลูกรวมไปถึงปีกมดลูกได้ง่ายและชัดเจน

5. ห้ามสวนล้างช่องคลอด ก่อนการตรวจ

ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจภายในหรือการที่จะทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ไม่ควรทำการสวนล้างช่องคลอดและควรงดการใช้ยาเหน็บทางช่องคลอด ก่อนการตรวจภายในหรือก่อนการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 2 วัน

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มี 3 แบบ

เมื่อทราบถึงขั้นตอนการเตรียมตัวในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้ว สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเข้ารับการตรวจคัดกรอง คือ วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยในปัจจุบันวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี ดังต่อไปนี้

1. Pap smear ตรวจแปปเสมียร์ (ตรวจแปปเสมียร์)

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก Pap smear ตรวจแปปเสมียร์ (ตรวจแปปเสมียร์) เป็นวิธีการตรวจที่สูตินรีแพทย์จะทำการตรวจโดยการใช้เครื่องมือที่ลักษณะคล้ายไม้พาย โดยจะใช้เก็บเนื้อเยื่อที่บริเวณปากมดลูกนำเอาไปส่งตรวจเพื่อทำการหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง

2. Thin prep (ตินเพร็พ)

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก Thin prep (ตินเพร็พ) เป็นวิธีการตรวจที่พัฒนามาจากการตรวจแปปเสมียร์ โดยวิธีนี้สูตินรีแพทย์จะทำการเก็บเซลล์เยื่อบุผิวที่บริเวณปากมดลูกด้วยแปรงขนาดเล็ก และจะเก็บรักษาสภาพเซลล์ไว้ในน้ำยาก่อนจะนำเข้าเครื่องตรวจอัตโนมัติ เป็นวิธีที่ให้ผลแม่นยำมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. Thin prep plus HPV DNA

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีสุดท้าย คือ การตรวจ Thin prep plus HPV DNA จะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจ DNA ของเชื้อ HPV เป็นวิธีการตรวจที่สามารถจะทำการเจาะลึกหาการติดเชื้อ HPV 16 และ HPV 18 เป็นวิธีการตรวจที่จะช่วยหารอยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปจบบทความ

เพราะมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งชนิดที่สามารถพบได้ง่ายมากที่สุดมีโอกาสในการเกิดโรคสูง ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก จะสามารถป้องกันรวมไปถึงช่วยให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที สำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถปฏิบัติตามวิธีการเตรียมตัว และเข้ารับการตรวจคัดกรองได้เลยทันที หรือสามารถตรวจด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่บ้านด้วยชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก welala สะดวก รวดเร็ว แม่นยำเทียบเท่าการตรวจที่โรงพยาบาล

“ตรวจยีนมะเร็ง” การตรวจสุขภาพเชิงลึกที่ช่วยให้เราดูแลตนเองอย่างเหมาะสม

มะเร็ง หนึ่งในโลกร้ายที่มีคนเป็นเยอะที่สุด และโดยส่วนมากแล้วพบว่าทุกคนล้วนมียีนก่อมะเร็งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของแต่ละบุคคล หนึ่งในสาเหตุหลักที่พบมากที่สุด คือ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นไปสู่รุ่น โดยลูกอาจได้รับยีนก่อมะเร็งมาจากผู้เป็นพ่อแม่ โดยที่พ่อแม่อาจได้รับการส่งต่อยีนก่อมะเร็งมาจากปู่ย่าหรือตายายอีกที แต่การส่งต่อนี้สามารถที่จะป้องกันได้ด้วยการ ตรวจยีนมะเร็ง

ความสัมพันธ์ของยีนกับมะเร็ง

ยีน หรือ Gene คือ รหัสทางพันธุกรรมที่อยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่เพียงแค่เฉพาะในมนุษย์ แต่รวมถึงทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก ในยีนแต่ละยีนจะประกอบไปด้วยลำดับของดีเอ็นเอ DNA ที่มีการถอดรหัสชุดคำสั่งเฉพาะที่แตกต่างกันเพื่อควบคุมการทำงานและการแบ่งตัวของเซลล์ โดยจะมีหน้าที่ส่งต่อหรือถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปสู่อีกรุ่นตามที่ได้มีการกล่าวไปในข้างต้น โดยยีนที่ถูกส่งต่อนี้จะมีการกำหนดลักษณะทางกายภาพของบุคคล การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย รวมไปถึงความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ โดยอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงและอาจกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้เช่นเดียวกัน

การตรวจยีนมะเร็ง มีประโยชน์อย่างไร?

การ ตรวจยีนมะเร็ง เป็นการตรวจหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่จะเจาะลึกเข้าไปถึงพันธุกรรม ซึ่งการตรวจหาความผิดปกตินี้จะส่งผลให้สามารถทราบถึงความเปลี่ยนแปลงหรือการกลายพันธุ์ของยีน ทำให้เราสามารถทราบได้ถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งกับตัวเราได้ ตลอดไปจนถึงการวางแผนการดูแล แนวการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในอนาคต หรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รหัสพันธุกรรมมะเร็ง

ในการตรวจยีนมะเร็ง เป็นการวิเคราะห์พันธุกรรมของยีนที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ รวมแล้วทั้งหมด 61 ยีน อาทิเช่น ยีน APC ที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยีน BRCA1, BRCA2 ที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ เป็นต้น โดยการตรวจสามารถที่จะวิเคราะห์ความเสี่ยงจากมะเร็งที่ถ่ายทอดหรือถูกส่งต่อทางพันธุกรรมได้มากถึง 10 ชนิด ที่ล้วนแล้วต่างเป็นชนิดที่สามารถพบได้บ่อย

ใครที่ควรตรวจยีนมะเร็ง

สำหรับผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจยีนมะเร็งนั้น ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติการเป็นมะเร็ง หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยโดยแพทย์อยู่แล้ว แต่รวมไปถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องสายตรงเคยป่วยเป็นมะเร็งจำนวนมากกว่า 2 คน เป็นขึ้นไป เพราะนั่นอาจเป็นการส่งต่อโรคมะเร็งจากพันธุกรรมได้ อีกทั้งบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือผู้ที่มีสุขภาพดีแต่ต้องการที่จะตรวจเพื่อหาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ก็สามารถทำการตรวจวิเคราะห์ยีนมะเร็งด้วย DNA Test ได้

วิธีตรวจยีนมะเร็งเป็นอย่างไร?

วิธีและขั้นตอนการ ตรวจยีนมะเร็ง ด้วย DNA Test จากการ ตรวจ DNA Welala สามารถทำได้โดยการใช้ปลายสำลีจากชุดตรวจที่ไม่มีการปนเปื้อนนำมาถูที่บริเวณกระพุ้งแก้มด้านในปาก โดยทำการถูไป-มา 15 ครั้ง ทำซ้ำทั้งสองข้าง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วถือหลอดให้ตรงและคลายเกลียวฝาออก โดยที่ไม่มีการสัมผัสกับปลายสำลี ทำการคว่ำก้านสำลีลงในหลอดและทำการปิดฝาให้แน่น พลิกหลอดที่ทำการปิดฝาแน่นเพื่อทำการเขย่าไปมา 15 ครั้ง ส่งชุดตรวจกลับเพื่อทำการวิเคราะห์ผล เพียงเท่านี้ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

สั่งซื้อชุดตรวจ DNA ตรวจยีนมะเร็งที่บ้าน กับ Welala ได้แล้ววันนี้

เพราะมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่สามารถคร่าชีวิตไปได้มากมาย อีกทั้งยังเป็นโรคร้ายที่สามารถส่งต่อได้ผ่านทางพันธุกรรม ยีน หรือ ดีเอ็นเอ หากต้องการที่จะตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมไปถึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อสุขภาพ สามารถทำการสั่งซื้อ DNA Test และทำการตรวจวิเคราะห์ยีนมะเร็ง ด้วยตัวเองที่บ้าน สะดวกสบาย ใช้งานง่าย ได้ข้อมูลที่แม่นยำอย่างเจาะลึก กับการตรวจ DNA Welala

รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ DNA ประกอบด้วยอะไรบ้าง

DNA สิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถไขคำตอบเกี่ยวกับชีวิตได้ โดยสิ่งนี้ถูกค้นพบจากนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ที่มีชื่อว่า ฟรานซิส คริก (Francis Crick) และนักชีววิทยาที่มีชื่อว่า เจมส์ วัตสัน (James Watson) ที่เชื่อว่าการทราบถึงโครงสร้างทางเคมีของยีน จะเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถอธิบายได้ถึงกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม จากสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งถึงอีกรุ่นหนึ่ง และทำให้เกิดการศึกษาวิจัยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง จนถึงในช่วงยุคปัจจุบันที่สามารถทราบได้ถึงข้อมูลเชิงลึกที่มากกว่าการตรวจหาความเชื่อมโยงทางสายเลือด

ทำความรู้จักกับ DNA

ดีเอ็นเอ DNA หรือ Deoxyribonucleic acid ล้วนเป็นองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก คน, สัตว์, พืช หรือแม้แต่เชื้อแบคทีเรีย ยกเว้นในเชื้อไวรัส ในร่างกายของเราประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมาก และในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายมี DNA ที่ทำหน้าที่ในการสร้างสายโปรตีนออกมาใช้เป็นส่วนประกอบ ทำให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถที่จะดำรงชีวิตและรักษาเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ 

DNA ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง หากมีการเจาะลึกลงไปแล้วนั้น ดีเอ็นเอ DNA หรือ Deoxyribonucleic acid ประกอบไปด้วยหน่วยย่อยที่มีชื่อว่า นิวคลิโอไทด์ (Nucleotide) 4 ชนิดตามไนโตรจีนัสเบส ที่เป็นฐานของ DNA ประกอบไปด้วย อะดีโนซีนไทรฟอสเฟต (ATP) กัวโนซีนไทรฟอสเฟต (GTP) ไซโทซีนไทรฟอสเฟต (CTP) และไทมิดีนไทรฟอสเฟต (TTP) โดยการเรียงลำดับของนิวคลิโอไทด์ 4 ชนิดนี้ จะส่งผลให้เกิดความหลากหลายและความแตกต่างในลำดับเบสบนสาย DNA มีความจำเพาะในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด

DNA มีคุณสมบัติสำคัญอย่างไร?

ดีเอ็นเอ DNA สามารถส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยการจำลองตัวเอง (DNA Replication) โดยเป็นการสร้าง DNA ที่มีลักษณะเหมือนเดิมให้กับเซลล์ใหม่ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ส่งต่อจากรุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก และรุ่นลูกส่งต่อไปถึงรุ่นหลานต่อเป็นทอดๆ ควบคุมเซลล์สังเคราะห์สาร เพื่อแสดงลักษณะทางพันธุกรรม รูปร่าง หน้าตา ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะทางความคิด ความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายที่ส่งต่อทางพันธุกรรม ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงจากเดิมได้ และอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่เคยมี

ทำไมการตรวจ DNA ถึงสามารถตรวจคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดโรคได้

เนื่องจากดีเอ็นเอ DNA ของแต่ละบุคคลมีความเฉพาะและเจาะจงที่สามารถจะบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของระบบการเผาผลาญ บ่งบอกถึงการตอบสนองต่อสารอาหารแต่ละชนิด บอกถึงการตอบสนองต่ออาการแพ้ และอีกหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ DNA ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง สามารถที่จะบ่งบอกได้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงเกี่ยวกับพันธุกรรม รวมไปถึงโรคเรื้อรังต่างๆ ที่มีตัวกำหนดเป็นสุขภาพพื้นฐาน ดังนั้น การตรวจ DNA ของแต่ละบุคคล นอกจากจะสามารถตรวจหาความเกี่ยวข้องทางสายเลือดได้แล้ว การตรวจ DNA Welala จึงสามารถที่จะคัดกรองและทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคทาง DNA ได้

สั่งซื้อชุดตรวจ DNA ที่บ้าน กับ Welala ดีกว่ายังไง?

สิ่งที่ปรากฏกับมนุษย์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, บุคลิก, หน้าตา, รูปร่าง, พรสวรรค์, อาการแพ้, อาการเครียด, ความคิด หรือแม้แต่โรคร้าย ล้วนแล้วอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ซึ่งในปัจจุบันสามารถที่จะตรวจสอบผ่านทางโปรแกรมตรวจ DNA ได้แล้ว โดยการตรวจสอบจะบ่งบอกโดยละเอียดว่า DNA ของคุณมีความเสี่ยงในด้านอะไรบ้าง และมีความพิเศษ มีจุดเด่นในด้านใด ช่วยให้สามารถรู้จักตัวเองรวมไปถึงสามารถที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในอนาคต และการตรวจนั้นสามารถที่จะทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล สามารถสั่งซื้อ DNA Test ชุด ตรวจ DNA Welala ไปตรวจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่เจ็บตัว แต่ให้ผลอย่างแม่นยำ

เช็กให้ชัวร์ คุณเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้อาหารแฝงหรือเปล่า?

รู้หรือไม่? มีคนไทยอยู่อีกจำนวนไม่น้อยที่ดูภายนอกแล้วดูเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ภายในกลับเข้าข่ายความเสี่ยงเป็น ภูมิแพ้อาหารแฝง เนื่องจากอาการภูมิแพ้อาหารแฝงนั้นอาจไม่ได้แสดงออกถึงอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรงในทันทีและเฉียบพลัน แต่จะค่อยๆ สะสมภายในร่างกายจนอาจนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาทิเช่น โรคลำไส้แปรปรวน, ปวดศีรษะไมเกรน, โรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคอื่นๆ อีกมากมาย

ภูมิแพ้อาหารแฝง คืออะไร?

ภูมิแพ้อาหารแฝง หรือ การแพ้อาหารแบบเรื้อรัง เกิดจากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ (Enzyme) ในการย่อยอาหารชนิดนั้นๆ ส่งผลให้การย่อยอาหารที่ทานเข้าไปไม่สมบูรณ์ และร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ไม่ดี โมเลกุลจากอาหารจึงสามารถที่จะหลุดเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านต่ออาหารชนิดนั้นๆ โดยอาจมีลักษณะคล้ายกับภาวะลำไส้รั่วซึม ซึ่งอาการ ภูมิแพ้อาหารแฝง จะไม่แสดงอาการออกมาในทันที จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่รู้ และการรับประทานอาหารชนิดนั้นต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้มีอาการต่างๆ ตามมาในที่สุด

ลักษณะอาการภูมิแพ้อาหารแฝง

อาการภูมิแพ้อาหารแฝงอาจจะสังเกตได้ยาก หากไม่ได้ทำการเข้ารับการตรวจสอบอาการแพ้อาหารแฝง หรือตรวจสอบด้วย DNA Test เนื่องจากอาการภูมิแพ้อาหารแฝงนั้นกว่าที่จะมีการแสดงอาการออกมา อาจใช้เวลานานกว่า 48 ชั่วโมง และอาการก็มักที่จะไม่รุนแรง จนหลายคนอาจไม่ได้นึกถึงอาการแพ้อาหาร แต่หากสังเกตได้ถึงอาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับจุดต่างๆ ของร่างกาย อาจสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดจากภูมิแพ้อาหารแฝง หรือเพื่อความแม่นยำสามารถตรวจการแพ้อาหารแฝงได้ด้วย DNA Test

อาการทางเดินอาหาร

หากรู้สึกได้ถึงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุดเสียดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้เรอหรือผายลมบ่อย หรือมีอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน ระบบขับถ่ายไม่ดี ถ่ายไม่ออก ขับถ่ายไม่เป็นเวลา อาจเป็นหนึ่งในอาการทางเดินอาหารที่เกิดจากภูมิแพ้อาการแฝงตัวได้

อาการทางผิวหนัง

ภูมิแพ้อาหารแฝง อาจส่งผลให้เกิดอาการทางผิวหนังโดยไม่รู้ตัว อาทิเช่น การเกิดสิวอักเสบ หรือเกิดการอักเสบที่ใต้ชั้นผิวหนัง โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ที่บริเวณใบหน้า, บริเวณลำตัว, บริเวณหลัง, แขนขา อาจทำให้เกิดอาการลมพิษ ผื่นคัน หรือเกิดอาการผิวบวมได้ เช่นเดียวกับการแพ้อาหารฉับพลัน แต่ต่างกันที่อาการเหล่านี้จะไม่ได้แสดงอาการออกมาในทันที

อาการทางเดินหายใจ

การแพ้อาหารแฝงที่มีอาการทางเดินหายใจ อาจส่งผลให้เกิดการไอ, จาม, น้ำมูกไหล, คัดจมูก จนอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น อย่าง จมูกอักเสบ, ไซนัสอักเสบ และหอบหืด ที่อาจส่งผลอันตรายตามมาต่อร่างกาย 

อาการในระบบอื่น ๆ

นอกจากอาการที่เกิดขึ้นกับทางเดินอาหาร อาการทางผิวหนัง และอาการทางเดินหายใจแล้ว ภูมิแพ้อาหารแฝง ยังอาจส่งผลกระทบให้เกิดอาการในระบบอื่นๆ อย่าง ระบบประสาท ระบบกระดูกและข้อต่อ อีกด้วย หากสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อาทิเช่น มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง, ปวดหัวไมเกรน, ปวดข้อ, ปวดเข่า หรือมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกไม่สบายตัว อาการเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในอาการที่อาจเกิดขึ้นจากภูมิแพ้อาหารแฝงเช่นเดียวกัน

การตรวจ DNA อีกหนึ่งวิธีตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงแบบไม่เจ็บตัว!

ภูมิแพ้อาหารแฝง เป็นอีกหนึ่งโรคที่เป็นกันเยอะและหลายคนไม่รู้ตัว เนื่องด้วยอาการที่ไม่ได้แสดงออกถึงการแพ้อย่างเฉียบพลันจึงยากที่จะหาทางหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรืออาจนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ และโรคที่อันตรายต่อสุขภาพ แต่หากต้องการที่จะทราบถึงความเสี่ยงในการแพ้ต่างๆ ข้อมูลการแพ้อาหารแฝงว่าตัวเองนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหน สามารถทำการทดสอบตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงได้จาก DNA Test ที่ใช้เพียงน้ำลายโดยที่ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องเจ็บตัว ด้วยการ ตรวจ DNA Welala ที่มีความแม่นยำถึง 99.999% เพียงเท่านี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้อาหารแฝงได้

ทำความรู้จักหน้าที่ของ DNA

DNA เป็นกรดนิวคลิอิก ที่จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งคน, พืช, สัตว์, แบคทีเรีย, เชื้อรา ยกเว้นเชื้อไวรัส โดย DNA ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบโครโมโซม วางตัวอยู่ในนิวเคลียสภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ หน้าที่ของ DNA จะช่วยบ่งบอกโครงสร้างทางเคมีของยีน อธิบายถึงกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตรุ่นหนึ่งถึงสิ่งมีชีวิตอีกรุ่นหนึ่ง และเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขข้อสงสัยที่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกแต่ละชนิดสามารถที่จะดำรงชีวิต ดำรงเผ่าพันธุ์ และสามารถที่จะสืบทอดลักษณะต่างๆ มาได้อย่างไร

DNA คืออะไร?

DNA สารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมไปสู่รุ่นต่อรุ่น โดยผ่านกระบวนการจำลองตนเอง หรือ DNA Replication ซึ่งโครงสร้างของ DNA นั้น ประกอบไปด้วยโพลีเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ 2 สาย พันเป็นเกลียวคู่ ที่ประกอบไปด้วย น้ำตาล หมู่ฟอสเฟส เบสหรือรหัสพันธุกรรม ได้แก่ อะดีนีน, ไทมีน, ไซโดซีน และกัวนีน ที่มีการใช้ถ่ายทอด ส่งต่อไปยังรุ่นลูกและจากรุ่นลูกไปยังรุ่นหลาน รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ข้อมูลสุขภาพเชิงลึก พรสวรรค์ โดยสามารถแปลรหัสเหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนที่ใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์ เรียกช่วงหนึ่งของ DNA ที่สามารถผลิตเป็นโปรตีนได้ว่า ยีน และเนื่องจากมีการส่งต่อทาง DNA โดยตรง ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สามารถพบได้จากการ ตรวจ DNA Welala จึงไม่แปลกที่หากภายในครอบครัว ลูกจะมีลักษณะ รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ สุขภาพ ที่เหมือนกับพ่อแม่

หน้าที่ของ DNA

หน้าที่ของ DNA ประกอบไปด้วย 2 หน้าที่หลักด้วยกัน คือ การจำลองตัวเองในขณะที่เกิดการแบ่งเซลล์ หรือเป็นการสร้าง DNA ใหม่ ที่เหมือนกันกับ DNA เดิม และถ่ายทอดข้อมูลผ่าน RNA โดยที่ DNA จะถูกถอดรหัสเพื่อทำการสร้าง RNA ที่จะทำหน้าที่ในการกำหนดการเรียงตัวของกรดอะมิโน ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน และด้วยหน้าที่หลักทั้ง 2 ประการนี้ของ DNA จะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตสามารถที่จะสืบทอดลักษณะประจำของเผ่าพันธุ์ และสามารถที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองต่อไปได้

1. จำลองตัวเอง (DNA replication)

จากการศึกษาพบว่า การจำลองตัวเอง หรือ DNA Replication สิ่งมีชีวิตทุกชีวิต สามารถที่จะสร้างและจำลองตัวเองได้ในขณะที่เกิดการแบ่งเซลล์ เพื่อเป็นการสร้าง DNA ที่มีหน้าตาและองค์ประกอบเหมือนเดิมทุกประการ ให้แก่เซลล์ใหม่ โดยการจำลองตัวเองของ DNA นั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน เริ่มต้นจากการจำลองตัวเองของ DNA มาต่อที่การขยายยาวของสายโพลลีนิวคลีโอไทด์สายใหม่ ที่สามารถแบ่งออกได้เป็นสายต่อเนื่องและสายไม่ต่อเนื่อง และไปถึงจุดสิ้นสุดการจำลองตัวเองของ DNA โดยในตำแหน่งนี้จะมีสุดสิ้นสุดของการจำลองตัวเองของ DNA อยู่ที่ตำแหน่งนี้ 20 คู่เบส โดยจะมีโปรตีนที่ทำการจดจำตำแหน่งเข้ามาตรวจจับเพื่อหยุดการจำลองตัวเองของ DNA ลง

2. ถ่ายทอดข้อมูลผ่านอาร์เอ็นเอ (transcription)

การถ่ายทอดข้อมูลผ่าน RNA คือ หนึ่งใน หน้าที่ของ DNA ที่เป็นหน้าที่หลัก โดย DNA จะสามารถถอดรหัสเพื่อสร้าง RNA โดย RNA ที่ได้จากการถอดรหัสนี้จะทำหน้าที่ในการกำหนดให้กรดอะมิโนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนเรียงตัว ที่ซึ่งโปรตีนที่ได้จากกระบวนการเหล่านี้จะถูกนำเอามาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในโครงสร้างส่วนต่างๆ ของเซลล์ร่างกาย อีกทั้งช่วยเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ในสิ่งมีชีวิตต่างๆ

DNA Test การตรวจสุขภาพเชิงลึกที่ทำได้เองที่บ้าน

DNA คือ สิ่งที่จะส่งต่อถ่ายทอดข้อมูลพันธุกรรมจากพ่อแม่หรือจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกได้ถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ มากมาย อาทิเช่น เผ่าพันธุ์, ลักษณะทางกายภาพ, ความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ, การแพ้, พรสวรรค์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบันสามารถที่จะทราบได้ถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เหล่านี้ เพื่อทำความรู้จักตัวเอง รับรู้ความเสี่ยงที่ส่งต่อผ่านทาง DNA ทราบได้ถึงแนวทางการดูแลสุขภาพ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างทันท่วงทีด้วยการตรวจ DNA Test ที่มีความแม่นยำและถูกต้อง

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน? แนะนำ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย หากินง่าย ที่สายเฮลธ์ตี้ห้ามพลาด!

สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอ็ท แล้วกำลังมองหาผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน มีน้ำตาลน้อย ไว้รับประทานแทนของหวาน เรามี 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายมาแนะนำ ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ สามารถไปหาซื้อมารับประทานได้เลย!

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วน? แนะนำ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับช่วงไดเอ็ท

ผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วนที่เรานำมาแนะนำนี้ เป็นผลไม้ไทยที่หาซื้อไม่ยาก ราคาแพง สามารถกินได้ง่ายตลอดทั้งปีเลย จะมีผลไม้น่าสนใจอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. ฝรั่ง

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก โดยฝรั่งหนึ่งลูกจะให้วิตามินซีสูงถึง 377 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าส้มถึง 5 เท่า แถมยังมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินเอด้วย ที่สำคัญยังมีน้ำตาลน้อยมาก ประมาณ 9 กรัมต่อ 1 ผลเท่านั้น จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังไดเอ็ทมากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้อิ่มนาน อยู่ท้องแล้ว วิตามินซีในฝรั่งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วย

2. อะโวคาโด

สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยเสริมไขมันดี และลดระดับไขมันเลวในร่างกาย “อะโวคาโด” เป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะเป็นแหล่งไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หาซื้อไม่ยาก และราคาไม่แพง ที่สำคัญยังมีไฟเบอร์และโปรตีนสูง ซึ่งจะช่วยให้อิ่มท้อง ไม่ทำให้หิวบ่อย ๆ ด้วย

3. แอปเปิล

แอปเปิลเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย และมีราคาไม่แพง หากคุณไม่รู้จะกินอะไรดี การหยิบแอปเปิลมากินสักลูกย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะได้รับประโยชน์มากมายจากแอปเปิล ยกตัวอย่างเช่น

  • มีกากใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • เปลือกของแอปเปิลจะอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย และรอยตีนกา
  • เส้นใยของแอปเปิลเป็นชนิดละลายน้ำได้ สามารถช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด และกำจัดไขมันเลวอย่าง LDL (Low Density Lipoprotein) ได้เป็นอย่างดี

4. แก้วมังกร

แก้วมังกรเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และบำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้ในเนื้อแก้วมังกรยังอุดมไปด้วยน้ำมากกว่า 70% จึงช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้รับประทาน และมีพรีไบโอติกส์ ซึ่งเป็นอาหารของเหล่าโพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพด้วย

5. กล้วย

อีกหนึ่งผลไม้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “กล้วย” ผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ สามารถหากินได้ง่ายตลอดทั้งปี ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ แนะนำให้มีกล้วยติดไว้ในครัวเลย โดยกล้วยจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินบี ที่ช่วยบำรุงระบบประสาท โพแทสเซียม ที่ช่วยลดความดันโลหิต หรือสารทริปโตเฟน ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้นได้ เป็นต้น

ตรวจ DNA อีกหนึ่งตัวช่วยในการวางแผนลดน้ำหนักที่ดีที่สุด

หากคุณอยากลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และวางแผนดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้เหมาะสมที่สุด “การตรวจ DNA” นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยคุณได้ เพราะการตรวจ DNA สามารถบอกได้เลยว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารอะไร  มีความไวต่ออาหารชนิดไหน และเหมาะสมกับการออกกำลังกายประเภทใด ซึ่งเมื่อคุณนำผลตรวจที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันแล้วล่ะก็ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่สนใจตรวจ DNA สามารถสั่งซื้อชุดตรวจ DNA จาก Welala ไปตรวจด้วยตัวเองที่บ้านได้เลย ตรวจง่าย เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ที่สำคัญยังให้ความแม่นยำ และความถูกต้องสูงถึง 99.999% ด้วย!

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 ผลไม้น้ำตาลน้อยที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยเป็นไอเดียให้คุณหาผลไม้อะไรกินแล้วไม่อ้วนที่ตัวเองชอบเจอ และทำให้การควบคุมน้ำหนักประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลไม้เหล่านี้จะมีน้ำตาลน้อย และเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่ก็ควรรับประทานอย่างพอดี ไม่อย่างนั้นก็อาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป และทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้

แชร์วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O

นอกการทำ Intermittent Fasting (IF) และการทำ Ketogenic Diet แล้ว การลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะมีหลายคนที่ทำแล้วเห็นผล มีการบอกต่อกัน และสามารถทำร่วมกับวิธีควบคุมน้ำหนักวิธีอื่น ๆ ได้ ซึ่งในบทความนี้ Welala จะมาแชร์วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O กัน ใครเป็นที่ชาวเลือดกรุ๊ปโอต้องห้ามพลาดบทความนี้เลย!

แนะนำ 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ใครทำก็เห็นผล!

คนเลือดกรุ๊ป O จะมีกรดในกระเพาะอาหารค่อนข้างสูง ทำให้สามารถย่อยอาหารจำพวกกลุ่มโปรตีนได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีปัญหาเรื่องระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ค่อยดี จึงเป็นคนที่สามารถอ้วนได้ง่าย

วิธีการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O จึงต้องใส่ใจการเลือกอาหาประเภทโปรตีนที่ไม่ติดมัน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์ หรือเพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายนั่นเอง 

สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เราได้สรุป 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O มาให้แล้ว ไปลองทำตามกันดูได้เลย!

1. เน้นรับประทานโปรตีนไม่ติดมัน

เนื่องจากชาวกรุ๊ปโอสามารถย่อยอาหารจำพวกโปรตีนได้ดี แต่มีระบบการทำงานเผาผลาญที่ไม่ค่อยดี จึงควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันไม่สูงมาก เช่น เนื้อปลา กุ้ง ปู หมูสันใน หรืออกไก่ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนไปสร้างกล้ามเนื้ออย่างเพียงพอ และทำให้ระบบเมตาบอลิซึมเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานได้เร็วขึ้น

2. ลดอาหารจำพวกแป้งลง

คนกรุ๊ปโอนั้นเป็นคนที่อ้วนง่าย เราจึงไม่ควรที่จะรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง พืชตระกูลหัวอย่างมันฝรั่ง เผือก หรือมันเทศ มากจนเกินไป โดยเฉพาะในคนที่เลือกจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว

3. หาตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม

คนกรุ๊ปโอมักมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบเมตาบอลิซึมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงานไปใช้ จึงควรรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้ระบบเมตาบอลิซึมทำงานได้ดีขึ้น เช่น เนื้อ ตับ เซียงจี๊ ไข่ไก่ ผักใบเขียว ผักโขม ถั่ว หรือเสริมด้วยวิตามินบีรวมได้ยิ่งดี

4. หลีกเลี่ยงอาหาร หรือเครื่องดื่มที่กรดในกระเพาะอาหาร

ชาวกรุ๊ปโอจะมีกรดในกระเพาะอาหารมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ จึงไม่ควรรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น

  • ของทอด
  • นม เนย ชีส
  • คุ้กกี้
  • ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น  ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง

5. ออกกำลังกายเป็นประจำ

สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยของการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ก็คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำ เช่น การเต้นแอโรบิก วิ่งเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ เพื่อกระตุ้นให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพตามกรุ๊ปเลือดมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วย

ตรวจ DNA อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตรวจ DNA เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถบอกได้เลยว่า ร่างกายกำลังขาดสารอาหารอะไร มีความไวต่ออาหารชนิดไหน และเหมาะสมกับการออกกำลังกายประเภทใด ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอย่างเหมาะสมที่สุด 

ใครที่อยากเสริมประสิทธิภาพวิธีการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O มากขึ้น สามารถสั่งซื้อชุดตรวจ DNA จาก Welala ไปตรวจด้วยตัวเองที่บ้านได้เลย ตรวจง่าย เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ที่สำคัญยังให้ความแม่นยำและความถูกต้องสูงถึง 99.999%

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 วิธีลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด O ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าสามารถทำตามได้ไม่ยากเลย ใครที่เป็นชาวกรุ๊ปโอ อย่าลืมไปลองทำตามกันดู รับรองว่าจะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างแน่นอน

ไขข้อสงสัย อาการแพ้แอลกอฮอล์ คืออะไร? เกี่ยวข้องกับ DNA หรือไม่?

ใครที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วมีอาการหน้าแดงบ่อย ๆ รู้สึกใจสั่น หรือวิงเวียนศีรษะ มักจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นคนที่คออ่อน ดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอาการมึนเมาได้ง่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วนั่นอาจเป็นหนึ่งในอาการแพ้แอลกอฮอล์ก็ได้

สำหรับใครที่สงสัยว่าอาการแพ้แอลกอฮอล์คืออะไร? มีลักษณะอาการเป็นอย่างไร? มีความสัมพันธ์กับ DNA หรือไม่? Welala ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว สามารถหาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย

แพ้แอลกอฮอล์ คืออะไร?

แพ้แอลกอฮอล์ คือ อาการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซม์แอลดีไฮด์ดีไฮโดรจีเนส (Aldehyde dehydrogenase) หรือ ALDH2 ได้เพียงพอ ซึ่งเอนไซม์ ALDH2 เป็นตัวการสำคัญที่มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงสารพิษอะซิทัลดีไฮด์ (acetaldehyde) ที่ได้รับจากการดื่มแอลกอฮอล์ ให้กลายเป็นสารอะซิเตท (acetate) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัย และไม่มีพิษต่อร่างกาย เพื่อที่จะได้สามารถขับออกไปได้

ผลที่ตามมาของการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ ALDH2 ก็คือจะทำให้สารพิษอะซิทัลดีไฮด์ตกค้างอยู่ในร่างกาย จนทำให้เกิดอาการแพ้ตามมานั่นเอง

ลักษณะอาการแพ้แอลกอฮอล์

  • มีอาการมึนหัว หน้าแดง ตัวแดง  ตาแดง ได้เร็วกว่าคนทั่วไป แม้จะดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่อาการจะหายเป็นปกติ
  • บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  • บางคนอาจมีอาการแพ้รุนแรงจนถึงขั้นแน่นหน้าอก ลมพิษ หรือหายใจติดขัดได้ ซึ่งเป็นอาการอันตรายที่จะต้องไปพบแพทย์ทันที ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เสียชีวิตได้

พันธุกรรมเกี่ยวข้องกับการแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่?

พันธุกรรมมีความเกี่ยวข้องกับการแพ้แอลกอฮอล์ เพราะว่านักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า บานสาย DNA จะมียีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างเอนไซม์ ALDH2 ถ้าหากยีนตัวนั้นมีการกลายพันธุ์ ก็จะทำให้ร่างกายผลิตเอนไซม์ ALDH2 ได้น้อยลง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงสารอะซิทันดีไฮด์ให้กลายเป็นสารอะซิเตทได้หมด ก็จะทำให้เกิดการสะสมของสารพิษจนทำให้เกิดเป็นอาการแพ้ตามมาได้นั่นเอง

ตรวจหาพันธุกรรมเกี่ยวกับแพ้แอลกอฮอล์ได้อย่างไร?

สำหรับใครที่มีอาการมึนหัว หน้าแดง ตัวแดง หรือตาแดงบ่อย ๆ เวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์ แล้วกำลังกังวลว่าตัวเองจะมีอาการแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่นั้น คุณสามารถตรวจอาการแพ้แอลกอฮอล์ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการสั่งซื้อชุดตรวจ DNA ของ Welala ไปตรวจที่บ้านได้เลย 

วิธีการตรวจ DNA สามารถทำได้ง่าย แค่เก็บตัวอย่างจากน้ำลายเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะสามารถตรวจอาการแพ้แอลกอฮอล์จากพันธุกรรมได้แล้ว ยังสามารถตรวจสุขภาพอื่น ๆ ได้อีกกว่า 500 รายการในครั้งเดียว เช่น การตรวจความเสี่ยงมะเร็ง ความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสมอง ความเครียด หรือนอนหลับ รับรองว่าคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน

สรุป

จะเห็นได้ว่า อาการแพ้แอลกอฮอล์อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ใครที่พบว่า ตนเอง หรือคนใกล้ตัวมีอาการเข้าข่ายการแพ้แอลกอฮอล์ แนะนำให้ควรเข้ารับการตรวจหาอาการแพ้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้ดูว่าตัวเองมีอาการแพ้จริง ๆ ใช่หรือไม่ หลังจากนั้นจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม และลดความเสี่ยงทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการแพ้แอลกอฮอล์นั่นเอง

ไขข้อสงสัย เลือดออกตามไรฟัน ขาดวิตามินอะไร และมีสาเหตุอะไรอีกบ้าง?

หากแปรงฟันอยู่ดี ๆ แล้วมีเลือดติดอยู่บริเวณแปรงสีฟัน หรือบ้วนปากแล้วมีเลือดปนออกมาบ่อย ๆ นั่นอาจแสดงว่าคุณกำลังมีอาการเลือดออกตามไรฟันอยู่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินบางชนิด หรือ เป็นอาการเริ่มต้นของโรคเหงือกอักเสบและโรคในช่องปากก็ได้

สำหรับใครที่มีเลือดออกตามไรฟัน แล้วอยากรู้ว่าเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง? Welala ได้รวม 4 สาเหตุพบบ่อยที่ทำให้เกิดเลือดออกตามไรฟันมาให้แล้ว ใครที่สงสัยว่า เลือดออกตามไรฟันขาดวิตามินอะไร? หรือมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจมองข้ามอีกบ้างไหม หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย

รวม 4 สาเหตุเลือดออกตามไรฟันที่หลายคนอาจมองข้าม

เลือดออกตามไรฟันเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของช่องปาก ซึ่งหลายคนมักมองข้ามกัน กว่าจะรู้ตัวอีกที อาการเลือดออกตามไรฟันก็พัฒนาไปเป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือโรคในช่องปากอื่น ๆ แล้ว โดยสาเหตุที่ทำให้เลือดออกตามไรฟันที่พบบ่อย มีดังนี้

1. แปรงฟันแรงเกินไป หรือแปรงฟันผิดวิธี

การแปรงฟันอย่างถูกวิธี เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดี 

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ยังแปรงฟันผิดวิธี เช่น 

  • เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งและแปรงแรง ๆ เพื่อให้ฟันสะอาด จนทำให้เกิดอาการเหงือกร่น เหงือกอักเสบ
  • ใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยเคลือบฟันให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้ฟันผุ หรือเป็นรู จนทำให้ผิวเคลือบฟันไม่แข็งแรง
  • ไม่ใช้ไหมขัดฟันหลังจากแปรงฟัน ทำให้ยังมีเศษอาหารตกค้างอยู่บริเวณซอกฟันที่ทำความสะอาดได้ยาก จนกลายเป็นคราบหินปูน และทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุได้

การที่เราแปรงฟันไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้ฟันและช่องปากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ จนส่งผลให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียต่าง ๆ และนำมาสู่การเป็นโรคในช่องปากจนทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟันได้นั่นเอง

2. ขาดวิตามินซี

เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของเลือดออกตามไรฟันที่พบได้บ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ไม่รับประทานผักและผลไม้ โดยการขาดวิตามินซีจะทำให้ร่างกายเป็นโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง และมีเลือดออกตามไรฟันได้ง่าย

โรคลักปิดลักเปิดนั้นเป็นโรคที่ค่อนข้างอันตราย ถ้าหากผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่ไม่ได้รับการรักษา และปล่อยให้ร่างกายของตัวเองขาดวิตามินซีอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟันแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงอื่น ๆ ตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็น ฟันโยก ตาโปน หรือเลือดออกใต้ผิวหนัง

สำหรับใครที่สงสัยว่าตนเองมีแนวโน้มในการขาดวิตามินซี รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นในร่างกาย คุณสามารถตรวจร่างกายด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการสั่งชุดตรวจ Vitamin DNA จาก Welala ไปตรวจเองที่บ้านได้เลย เก็บตัวอย่างทางน้ำลาย ไม่ต้องเจาะเลือด และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ!

3. ติดเชื้อภายในเหงือก

สาเหตุของการติดเชื้อภายในเหงือกนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากคราบพลัค โดยจะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก ฟัน เนื้อเยื่อเหงือก และกระดูกที่ช่วยพยุงฟัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการเลือดออกตามไรฟันเป็นระยะแรก ๆ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาก็จะทำให้เกิดอาการฟันโยก ฟันหลุด หรือร้ายแรงจนถึงขั้นต้องถอนฟันซี่นั้นออกได้เลย

คราบพลัคนั้น เป็นแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่มีลักษณะเหมือนกับแผ่นฟิล์มเหนียว ๆ ไร้สี ก่อนที่จะค่อย ๆ เกาะรวมตัวกันบนผิวฟัน ซึ่งการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันปกติไม่สามารถขจัดคราบออกได้หมด จำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการขูดหินปูนออกเท่านั้น 

ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากติดเชื้อภายในเหงือกจนทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน ฟันโยก หรือฟันหลุด ก็ควรจะหมั่นไปขูดหินปูนและตรวจสุขภาพฟันและช่องปากกับทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี

4. เกล็ดเลือดต่ำ

เกล็ดเลือดต่ำ เป็นภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเกล็ดเลือดต่ำกว่าค่าปกติ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เช่น ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดได้ลดลง เกล็ดเลือดถูกทำลายจากสาเหตุต่าง ๆ หรือเป็นโรคที่สร้างภูมิต้านทานทำลายเกล็ดเลือด 

ผลที่ตามมาของการมีเกล็ดเลือดต่ำคือ จะทำให้มีอาการเลือดออกจากเยื่อบุช่องปาก มีจุดเลือดออก หรือจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย โดยที่ไม่ได้รับการกระทบกระแทก มีเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ หรือปัสสาวะเป็นเลือด ถ้าหากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที

แนะนำวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟันง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ทำได้

สำหรับใครที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน นอกจากการไปพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการขูดหินปูน และตรวจสุขภาพฟันและช่องปากที่จะต้องทำตามปกติอยู่แล้ว เรายังมีวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟันง่าย ๆ มาฝากด้วย สามารถนำไปทำตามได้เลย!

  • รับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะขามป้อม หรือลิ้นจี่ เป็นต้น
  • ควรแปรงฟันให้ทั่วทั้งช่องปาก และซอกฟัน
  • หลังจากที่แปรงฟันเสร็จแล้วจะต้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงด้วย
  • ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก ๆ 2  เดือน
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
  • ระมัดระวังไม่ให้เครียดจนเกินไป เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้เลือดออกตามไรฟันได้
  • งดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคในช่องปาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 4 สาเหตุที่ทำให้เลือดออกตามไรฟัน และวิธีป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยเลือดออกตามไรฟันขาดวิตามินอะไร และทำให้คุณรู้จักวิธีดูแลสุขภาพฟันและช่องปากของตนเองอย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น